วันพุธที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2559

ไตรมาสที่2 พอร์ตเทพ

   
(9ตุลาคม2016)


  มีคำถาม!? ช่วงระหว่างที่ราคาทอง 1370ถึง1256 และค่าเงินปอนด์ผันผวน!? เหล่าทวยเทพเขาทำอย่างไรกับพอร์ตบ้าง เท่าที่ลองได้ไปส่องดูก็เดาได้คร่าวๆว่า เริ่มจาก


Jim Simons พอร์ตวิธีการเทรดเขาก็ยังคงเป็นปริศนาเทรดหุ้นตัวละ 0.5-1% ของพอร์ตต่อไปเหมือนเดิม เข้าออกถี่ๆกับหุ้นหลายๆตัว กระจายหลายๆอุตสาหกรรมพอร์ตสวยมาก
George Soros พอร์ตมีการเปลี่ยนแปลงคือ PUT SPY หนักมากก!! 9.52% และถือหุ้นทองก็หนักด้วย 5.82% แต่สัตส่วนการถือหุ้นทองยังไม่เพิ่มขึ้น และยังมีหุ้นอื่นๆอีกประปราย ถือบอนของหุ้นViavi Solutions Inc 4.53%แหนะ


Stanley Druckenmiller คนนี้ซิเริ่มมีการปรับพอร์ตบ้าง โดยการถือ GLD ลดลงถึง15%!! จากเมื่อปลายปีที่แล้วเขาถือ 30% ของพอร์ต แต่พอร์ตเขาก็ยังคงลงทุนคล้ายๆจากเดิมไม่ต่างไปมาก ยังคงถือหุ้น FB เหมือนเดิมสัตส่วนมากขึ้นด้วย (ทำไปได้ถือหุ้นตัวเดียว17%ของพอร์ต ใจเด็ดจริงๆ*0*)


Ray Dalio คนนี้อย่าไปยุ่งกับเขา ยังคงคอนเซ็ปเดิม ถือ ETF Index VWO ,SPY มีการปรับสัตส่วนบ้างเล็กน้อย แต่ยังคงเทรดETFตัวหลักๆเหมือนเดิม แต่แอบเห็นะถือหุ้นทองคำ 0.56%ของพอร์ต แถมยังบวก 75%อีก 555+ League of Barrick ซินะครับ ถือกันทุกคน -0-


     สรุป คอนเซ็ปของเหล่าทวยเทพแนวโน้มการลงทุนเขาก็เหมือนเดิม ราคาทองเคลื่อนไหวแค่นี้ไม่มีผลต่อการปรับมุมมองของพอร์ตเขาเท่าไหร่เลย แต่เชื่อได้เลยว่าต้องมีการปรับสัตส่วนการลงทุนไปบ้างไม่มากกก็น้อย ผมนิซิติดบนยอดดอยเลย -.-a






วันอาทิตย์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Road to the Legends


บางครั้งการได้เดินทางพร้อมกับมีความหวัง ก็อาจมีความสุขมากกว่าการไปถึงเป้าหมายจริงๆ ระหว่างเดินทางนี้หละมันสุดยอดมากๆ ถ้าหากเราลองคิดดูดีๆ เราใช้เวลากับการเดินทางมากกว่าการดื่มด่ำเมื่อถึงเป้าหมายซะอีก ฉะนั้นจงเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ได้รับให้ดีๆ จงมีความกล้า จริงๆตั้งใจว่าจะเขียน Principle ของตัวเองออกมาเก็บไว้อยู่เหมือนกันนะ นิก็เขียนไปได้ 18%แล้วนิน่า..น่ายินดีๆ =D












วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

Defend & Learn

               ถึงเวลาแล้วที่เราจะเริ่มเรียนรู้ อีกรูปแบบใหม่ หลังจากที่ผมและอินเวสเตอร์ได้ร่วมลงทุนในตลาดหุ้นนี้....เป็นเวลา 3ปี ซึ่งเป็นปีแห่งความยากลำบากของตลาดนี้ ตั้งแต่ ปี 10/6/2013 ถึง 9/7/2016 ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทน จากวันแรกที่ผมเริ่มลงทุนถึงปัจจุบันคือ -8.80% แต่ผลงานของผมพอร์ตบวก 3.8% จากเงินทุน (ผมถือเงินสดในพอร์ต 70%)  ซึ่งสำหรับผมคิดว่ามันก็โอเคอยู่ ที่เราสามารถปกป้องเงินทุนก้อนเล็กๆนี้ไว้ได้ ไม่หายไปไหน ขบวนการลงทุนก็เริ่มเสถียรมากขึ้นนิดหน่อยเริ่มมีกำไรให้เอามาbet นิดๆแล้ว......

                   แต่ลึกๆสำหรับผมยังคิดว่าผลตอบแทนกับพลังงานที่โฟกัสไปมันยังใช้ได้ไม่เต็มประสิทธิภาพเท่าที่ควร ผมจะเริ่มเอาผลกำไรที่ได้ มาเสี่ยงเพิ่มขึ้นเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่เริ่มโอเคมากขึ้นแต่ผมก็คงต้องใช้เวลาเรียนรู้ในการbet เพราะหลังจากที่ลองมาได้สักพัก ก็รู้สึกว่ามันไม่ง่ายเลย ทุกอย่างต้องใช้เวลาใช้การฝึก ผมใช้เวลาเรียนรู้แค่3ปีสู้คนที่อยู่มานาน 30ปีก็เทียบกันไม่ได้

                     ผมไม่รู้หรอกว่าตลาดจะเป็นอย่างไร แต่ความเสี่ยงของผมคือ ถ้าตลาดนี้  - 90%  พอร์ตผมจะผลงานติดลบ -30%ของพอร์ตแน่นอน 555+ อีกความเสี่ยงนึงคือเรื่องของเวลา ว่าตลาดจะให้ผลกำไรมากพอที่จะรองรับ หุ้นตก -90%ทันหรือไม่ ถ้าไม่ทันพอร์ตก็ลบ30% แต่ถ้าทันพอร์ตก็จะลบไม่เกิน 30% ต้องขอบคุณการจัดการเงินที่ดีทำให้พอร์ตผมมีชีวิตอยู่รอดได้มาถึงวันนี้ แม้ผลตอบแทนจะกระจอก ง่อยๆ ก็ตาม ผมยอมรับจากผลงานเลยว่าผมเรียนรู้ช้าจริงๆ ฮ่าๆ  

                       อีกงานนึงที่ผมต้องทำคือต้องคุยกับอินเวสเตอร์จริงจังให้เข้าใจว่าผมกำลังทำอะไรอยู่แนวคิดเป็นอย่างไร ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้หลักๆก็ไม่หลุดจากแนวคิดหลักการเดิมที่ตั้งไว้ตอนเริ่มลงทุน อธิบายว่าทำไมพอร์ตมันโตช้าๆ อินเวสโอเคไหมเพราะตกลงไว้ว่าพอร์ตนี้จะเป็นพอร์ตให้ผมได้ฝึกเรียนรู้ 5555+
ภาพนี้เป็นพอร์ตที่ผมจำลองแนวคิดมาใช้ 


อันนี้เป็นพอร์ตของผมเอง


วันเสาร์ที่ 18 มิถุนายน พ.ศ. 2559

ได้แนวคิดใหม่จากท่าน Lord Renaissance Jim Simons


   หลังจากที่ผมกำลังจะพยายาม หาคำตอบ"ไตรมาสนีัเหล่าผู้ใหญ่ในวงการ เขาจัดการพอร์ตอย่างไง?? " ก็ชักจูงให้สะดุดกับพอร์ตของ ท่าน Lord  Renaissance กับพอร์ตที่เห็นคือ มีแต่หุ้นอเมริกา อย่างเดียว100% ก็ทำให้ผมมองด้วยคติตัวเองว่า แม้เขาจะมีหุ้นในพอร์ต 3000 กว่าตัว แต่นั้นมันก็คือตะกร้าใบเดียวกัน?? เขาไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงเหมือนฟันด์เมเนเจอร์อื่นๆ ที่บางคนก็มีทองบ้าง มี ETFต่างประเทศ มีน้ำมัน มีออฟชั่น ในกรอบของผมนะครับ มันเหมือนขัดกับหลักที่ผมเรียนรู้มาว่า การกระจายความเสี่ยงต้องกระจายไปหลายๆสินค้าซิ....

    ทีนี้ผมมาลองมองอีกมุมนึก ก็พบว่าผมโดนกรอบบางอย่างก็คือกรอบของคำว่าดัชนีผมกลับมองว่าดัชนีคือตัวแทนของหุ้นทั้งหมดในตลาดแต่จริงๆแล้วไม่เลย ถ้าดัชนีขึ้นหุ้นบางตัวอาจจะลง หรือถ้าดีชนีลงหุ้นบางตัวอาจจะขึ้น...บางทีหุ้นในตลาดทั้งหมดที่มีมันอาจจะเป็นการเฮดจ์ความเสี่ยงด้วยตัวของมันอยู่แล้ว ??  หรือบางทีถ้า  dowjones index ลง -50% พอร์ตเขาอาจจะไม่เป็นไรด้วยซ้ำมั้ง

    อันนี้ผมยังไม่รู้คำตอบ เป็นสิ่งที่น่าค้นหา ถ้าหากอนาคตมีเงินเหลือๆ ผมอาจจะลองซื้อหุ้นในอเมริกาทั้งหมดในตลาด อย่างละ 1หุ้น เพื่อจำลองพอร์ตท่าน  Lord  Renaissance แนวคิดมันอาจไม่เหมือนกันก็ได้ แต่ผลลัพธ์ก็ไม่น่าจะแตกต่างกันมั้งง บางทีเราอาจจะได้ Index ใหม่ที่คนส่วนใหญ่มองไม่เห็นก็ได้ 5555



เครดิต:http://www.nytimes.com/2014/07/08/science/a-billionaire-mathematicians-life-of-ferocious-curiosity.html?_r=0




https://www.flickr.com/photos/mathforamerica/5123424244

วันพฤหัสบดีที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2559

พอร์ต Soros,Du

สิ่งที่ได้เห็นพอร์ต โซรอสและ ดักเกลมิลเลอ 
อาจารย์และศิษย์เอก ไตรมาส1 2016

       ไตรมาสที่ 1 ปี2016 จากภาพจะเห็นว่าตัวโซรอสนั้นเขาจะไม่ซื้อทองโดยตรง แต่เขาเลือกที่จะซื้อบริษัทผลิตทอง ABX ในจำนวน 5.82%ของพอร์ต ซึ่งก็ถือว่าเยอะพอสมควร สภาพตลาดตอนนี้เฟตอาจจะขึ้นดอกเบีย โซรอสเขาอาจมีมุมมองอะไรบางอย่างเลยเลือกที่จะถือบริษทนี้มากขึ้น และจะเห็นว่าเขาก็เข้าซื้อ GLD ใหม่ด้วยในสัตส่วน 2.72% เหมือนเริ่มสะสมตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 

       ในส่วนของ duquesne รายนี้ชัดเจนตั้งแต่แรกเริ่มแล้วว่าเขาสะสมทองคำ ด้วยแนวคิดอะไรบางอย่างตั้งแต่ปลายปี 2015แล้ว ในสัตส่วนถือครองประมาณ 31%ของพอร์ต แต่ปัจจุบันได้ลดสัตส่วนการถือลงเหลือแค่ 17%ในไตรมาสที่ 1 

        ความเห็นส่วนตัว จากการกระทำเราจะได้เห็นวิธีการเล่นของอาจารย์และศิษย์ต้องบอกว่าทั้ง2มีมุมมองบางอย่างที่เหมือนกัน แต่เขาเลือกวิธีการAction ที่ต่างกันในรูปแบบของตัวเอง ต่างกันที่จังหวะเวลาและสินค้าที่เลือกเทรดมุมมองเขาอาจจะมองว่าทองเป็นตัวแทนการแลกเปลี่ยนหรืออะไรก็ตาม แต่สิ่งที่เห็นคือการกระทำกับพอร์ตของเขา อาจจะสะท้อนอะไรบางอย่างของตัวฟันด์เมเนเจอร์เอง... 


Soros


duquesne











วันเสาร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เยี่ยมชมสถาบัน SmartChess ที่เวียดนาม

SmartChess ของคุณ Từ Hoàng Thông( คุณห้าง ทอง)

วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2559  

ผมมีโอกาสได้ไปดูการสอนหมากรุกสถาบัน SmartChess ของคุณ Từ Hoàng Thông( คุณห้าง ทอง) ซึ่งผมใช้เวลาติดต่อคุณห้างทอง เป็นเวลา 1 สัปดาห์ 
                         
      คุณ ห้างทองเคยได้แชมป์ grandmaster และเคยเป็นนักหมากรุกที่อายุน้อยที่สุดของเวียดนาม เขาฝึกเล่นหมากรุกตอนอายุ 9 ขวบ ในลิ้งเป็นประวัติคร่าวๆของคุณห้างทอง

จุดประสงค์ที่ผมอยากไปดูสถาบันหมากรุก SmartChess เพราะอะไร ผมอยากสัมผัสมืออาชีพของประเทศนี้ว่าเขามีลักษณะนิสัยหรือแนวคิด วิธีสอนเยาวชนของชาติเขาอย่างไร ในเมื่อเขาประสบความสำเร็จในด้านหมากรุกนี้แล้ว วินาทีที่ผมติดต่อทาง SmartChess ไปผมรู้สึกว่าเขาจะเป็นคนที่เข้าถึงได้ยากและต้องผ่านขั้นตอนหลายอย่าง แต่ความจริงไม่เลย พอผมติดต่อเขาเสร็จเขาให้เบอร์โทรติดต่อกลับมา ซึ่งเป็นเบอร์ของคุณห้างทอง โดยตรง ซึ่งผมก็ติดต่อเขาไปเขาก็นัดผมเช้าวันที่ 18 กุมภาพันธ์ แต่ผมอยากไปดูสถาณที่ก่อนเลยแอบแวะไปวันที่ 17 กุมภาพันธ์ก่อน ถึงวันจริงผมจะได้ไปหาเขาตรงเวลา และไม่หลงทาง ซึ่งผมก็ไปเจอสถาบันเขาซึ่งตอนนั้นเขาปิดอยู่ วันที่18 เขาขอเลื่อนนัดไปวันเสาร์ที่20 กุมภาพันธ์แทน เพราะเขาติดส่งนักเรียนไปแข่งหมากรุก



เช้าวันที่ 20 ผมก็ไปถึงสถาบัน SmartChess ซึ่งก็เจอเด็ก 6 คนพร้อมกับพี่ของคุณห้างทอง พอผมเข้าไปเขาก็กวักมือเรียกผมทันที และให้ผมไปเล่นหมากรุกกับนักเรียนเขาทันที โดยที่บรรยากาศเป็นกันเองมาก พี่ของคุณห้างทองเขาใจดีมากเป็นกันเอง เขายินดีที่ผมแวะเข้าไปดูการสอนของเขา ตอนผมเล่นกับน้องนักเรียนพี่ของคุณห้างทองเขาก็แวะมาดูกระดานเป็นระยะๆ ผมรู้สึกได้เลยว่านักเรียนเขาเล่นเป็น และไม่เดินมั่วๆ คู่ต่อสู้ผมคนแรกเป็น เด็กผู้หญิงน่าจะประมาณ ป.5 ชื่อน้องนิด  เขาเล่นเก่งมากและหาจังหวะไหวพริบดี เดินไม่พลาดซักตาเลย ผมก็เลยเล่นแพ้ไป ใช้เวลาเล่น 30 นาที คุณห้างทองก็เขามาพร้อมกับเด็กนักเรียนอีก 3 คน หลังจบเกมพอดี ผมก็ชมน้องเขาว่า เล่นเก่งจังเลย เขาก็ยิ้มดีใจเล็กน้อย

(น้องนิด ป.5 คู่แข่งคนแรกของผม พี่ของคุณห้างทองแนะนำให้เล่นด้วย (ทางขวาพี่ของคุณห้างทอง))



หลังจากที่เล่นกับ นักเรียนป.4 เสร็จ  คุณห้างทองเอง ก็ให้ผมมาเล่นกับน้องอีกคน ซึ่งเด็กกว่าน่าจะประมาณป.2 ชื่อน้องเนย (จริงๆชื่อน้องพูดยากมาก นิน นุย อะไรสักอย่าง ) น้องคนนี้ใช้เวลาคิดนานกว่าผมมากๆ และบางจังหวะเดินก็เหมือนจะสนใจอย่างอื่นรอบข้าง เหมือนเด็กที่พยายามจะมีสมาธิ แต่ก็มีมองออกไปนอกกระดานบ้าง แต่ต้องยอมรับเลยว่า การเดินหมากของน้องเขา ไม่มีพลาดเลย ช้าๆแต่ชัว ค่อยๆเดินทีละตัวๆอย่างใจเย็น ระหว่างนั้น คุณห้างทองก็เขามาดูกระดานเป็นระยะๆ จนสุดท้ายผมก็โดนน้องเขาตะล้อมๆ กินไปทีละตัวๆ จนกระทั่งหมากผมจนมุม ซึ่งระหว่างเล่นน้องเขาเดินมากสวยมากๆ ทั้งครูห้างทอง และนักเรียนก็สนใจกระดานที่ผมเล่น นักเรียนและครูก็ชม ว่าน้องเนยเดินหมากสวย ผมก็ชมน้องเขาจริงๆ


(น้องเนยใช้เวลาคิดอย่างรอบคอบตลอดการเล่นและมีสมาธิในการเล่น สุดท้ายก็ชนะผม น้องเขารู้สึกภูมิใจ อิอิ)



ผมได้เห็นวิธีการสอนของคุณห้างทองหลายอย่าง คือคุณห้างทอง เขาใสใจนักเรียนมาก รักลูกศิษย์ทุกคน เขาไม่เคยด่าลูกศิษย์ตัวเองเลย เขาเป็นคนอย่างนั้นเพราะว่า ระหว่างที่เขาสอน เขาจะถามนักเรียนว่าเดินตัวไหนดี นักเรียนก็แย่งกันตอบโดยไม่อาย หรือกลัวผิดเลย แสดงว่าคุณห้างทองสอนนักเรียนให้มีความกล้าคิด ระหว่างที่ผมอยู่สถาบันนั้นเขาแนะนำว่านักเรียนคนไหนพูดอังกฤษได้ เขาให้ผมไปคุยด้วยได้ ผมได้เห็นการสอนของเขา ซึ่งเป็นระบบมากๆ น้องๆเขาเรียนเป็นคอร์ด เขามีหนังสือแบบฝึกหมากรุกเลย และแต่ละวันน้องแต่ละคนก็จะได้ฝึกฝนตามระดับฝีมือ อย่างน้องเนยเด็กป.3 ก็ฝึกไปถึงขั้นที่
ต้องจำลองสถาณการณ์ของตัวหมากแล้วเลือกเดินให้ถูกว่าควรจะเดินตัวไหน ซึ่งรูปแบบหมากจะตั้งค้างไว้กลางโต๊ะ และน้องเขาจะจดใส่สหมุดเองว่า ควรเดินตัวไหน เดินอย่างไร เดืนเพราะอะไร 
(สังเกตุน้องเนยจะมีสมุด1เล่มไว้วิเคราะห์กระดานนี้ )


สถาบันนี้ใส่ใจเด็กมาก เพราะนักเรียนทุกคนจะมีสมุดพกของตัวเอง เพื่อให้ครูรีวิวว่า วันนี้นักเรียนทำอะไรบ้าง เล่นหมากรุกพลาดตรงไหน วันนี้เด็กนิสัยอย่างไร จดเป็นสมุดให้ผู้ปกครองดูทุกคน ซึ่งผมก็แอบดีใจเล็กๆ ที่เห็นในสมุดของน้องเนย ป.3 ครูห้างทองเขียนประมาณว่า วันนี้น้องชนะแขกที่มาจากประเทศไทย ผมเห็นเขาเขียน อะไรthailand ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่เด็กน่าจะภูมิใจ ^^ ผมรู้สึกว่าที่นี้เขาก็รู้สึกดีใจเหมือนกันที่มีต่างชาติให้ความสำคัญแวะมาเยี่ยมชม เขาก็แสดงอะไรหลายๆอย่างให้ผมเห็นอย่างภูมิใจ 



(นักเรียนที่นี้ค่องข้างจะอายกล้องพอสมควร )



(คุณห้างทอง กำลังสอนเด็กๆ ในการคิดวิธีเดินหมาก การเดินช่องต่อช่องเลยทีเดียว )






(บรรยากาศของสถาบัน SmartChess  )



 ผมก็ไม่ได้หวังเอาเคล็ดลับหมัดเด็ดวิชาหมากรุกจากคุณห้างทอง แต่สิ่งที่คุณห้างทองให้ผมเขาเปิดบ้านยินดีให้ผมถามและดูวิธีการสอนทุกอย่างว่าเขาสอนนักเรียนอย่างไร Lv1 ให้นักเรียนคิดอย่างไร Lv2 ให้นักเรียนคิดอย่างไร นักเรียนที่ดีเป็นอย่างไร นักเรียนเขาสนใจในหมากรุกบางคนถึงกับมี แอพหมากรุกในมือถือเพื่อดูวิธีการเล่นย้อนหลัง ซึ่งผมคิดว่านักเรียนเขาสนใจไม่ใช่เรียนแค่ผ่านๆ และ ผมสัมผัสได้ว่าคุณห้างทองเขาชอบหมากรุกจริงๆ เขาใช้ชีวิตอยู่กับมันเขาภูมิใจที่ได้อยู่ในวงการหมากรุก เขาไม่ใช่คนที่จมอยู่กับชัยนะในอดีตเพราะเขาไม่เคยพูดถึงชัยนะแต่เขากำลังแสดงสิ่งที่เขาคิดผ่านการปฎิบัติ  เขาหวังที่จะพัฒนาเยาวชนให้มีพื้นฐานวิธีคิดที่ดี ซึ่งจากที่ได้สัมผัสน้องๆนักเรียนด้วยตัวเอง เขาไม่กลัวต่างชาติ เขากล้าพูดอังกฤษ เขากล้าถาม คุณห้างทองก็บอกว่าสามารถมาเยี่ยมชมสถาบันเขาได้ตลอด ถ้าอยากมาเยี่ยมตอนไหน ก็ทักทายมาทาง E-mail ได้ตลอดเขายินดีที่จะเปิดบ้านให้พวกเราเยี่ยมชมเพื่อนำสิ่งที่ดีๆไปเป็นแบบอย่างได้ ผมก็ขอบคุณคุณห้างทองมากๆ ที่เปิดโอกาสให้ผมแวะมาเยี่ยมชมการเรียนการสอนหมากรุก ให้เยาวชนของประเทศ ผมยินดีช่วยเขาเท่าที่กำลังผมพอจะมี 

สุดท้ายนี้คือสิ่งที่ผมภูมใจ นี้คือภาพที่คุณห้างทองถ่ายเอง ขณะที่ผมเล่นหมากรุกกับนักเรียนของเขา และเขาก็นำรูปมาโพตส์ไว้ในเพจเขา (Trường Cờ Vua SmartChess ) ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขารู้สึกดีที่มีชาวต่างชาติมาเยี่ยมชมและสนใจ อาจเป็นสิ่งเล็กๆน้อยๆที่ผมจะทำให้เขาได้บ้าง ก็คือ ฝากชื่อเสียงว่า คนไทยมาแพ้ให้เด็กนักเรียนเขาแล้ว  ฮ๋าๆๆๆ 















วันอังคารที่ 5 มกราคม พ.ศ. 2559

The All Weather (จำลอง)

The All Weather (จำลอง)
"So I think I’m going to answer it in the following way that I think that is the right way for people to look at it. It’s the way I look at it. I think that the first thing is you should have a strategic asset allocation mix that assumes that you don’t know what the future is going to hold.  And I think most people should…" Ray Dalio

ต้องขอบคุณแนวคิดของท่านเรย์และพี่ต้านmudleygroup ที่ทำให้พอร์ตผมยังมีชีวิตรอดมาถึงทุกวันนี้ ฮ่าๆๆ ถึงแม้กำไรน้อยแต่ก็ยังมีชีวิตรอด ยังไงก็ถือว่าคุ้มแล้ว วันนี้จะมาเขียนย้ำแนวคิดที่ทำให้ผมรอดพ้นจาก ปีที่ตลาดหุ้นไทยตกจาก1500-1200โดยประมาณ ทองตก น้ำมันตก ค่าเงินบางตัวลดลงถึง 30-40%

เริ่มจากแนวคิดThe all weather ก็คือเราต้องจำลองพอร์ตตัวเราให้เป็นตลาดซะเอง โดยการไม่เดาทิศทางตลาดใดๆทั้งสิ้น ถ้าเปรียบกับการเข้าบ่อนไฮโลก็คือแทงทุกหน้านั้นหละแต่ตลาดหุ้นกับการพนันมันไม่เหมือนกัน การแทงทุกหน้าเลยได้เปรียบ (ไม่ใช่Long/shortพร้อมกันนะ) การที่เราไม่ต้องเดาทิศทางตลาดก็คือเราต้องเข้าใจธรรมชาติพื้นฐานของเศรษฐกิจเสียก่อน พื้นฐานง่ายๆก็คือ ดูที่ Inflation
(เงินเฟ้อ)กับGrowth(การเติบโต) กับความสัมพันธ์ของตลาด ถ้าดูจากภาพตัวอย่างเราจะได้เห็นคือ

 Screenshot_2.jpg
(ภาพจากpeper Risk Parity is About Balance) http://www.bwater.com/ViewDocument.aspx?f=76
1.เมื่อเงินเฟ้อลดลงจะเป็นผลดีกับ Bonds และ Stock
2.ถ้าGrowthมากขึ้นจะเป็นผลเสียต่อ Bonds แต่จะเป็นผลดีกับ Stock
ในทางกลับกันถ้าหาก เงินเฟ้อสูงขึ้นหละ มันก็จะเป็นทิศตรงข้ามกับผังในรูป ก็คือ
1.เมื่อเงินเฟ้อสูงขึ้น ก็เป็นผลเสียกับ Bond และ Stock
2.เงินเฟ้อสูงขึ้นส่งผลทำให้ Growth ลดลง ก็จะทำให้เป็นผลดีกับ Bonds แต่เป็นผลเสียกับ Stock

***Growth คือการเติบโตของตลาด ในที่นี้หมายถึงการเติบโตของราคาสินค้าที่เป็นวัตถุดิบหลักในการผลิต สินค้าหลักๆเช่น น้ำมัน ไม้ ยาง ทอง แร่ หุ้น เศรษฐกิจ ถ้าพวกนี้เติบโต ก็ทำให้ค่า Growthเป็นบวก

เมื่อเราเข้าใจธรรมชาติของเศรษฐกิจแล้วจะทำให้เราเข้าใจว่า ไม่ว่าตลาดใดๆมันจะไม่ค่อยมีทางที่จะไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่ง เช่น ทองกับตลาดหุ้นมูลค่าอาจจะไม่ไปในทิศทางเดียวกัน ฉะนั้นการบริหารพอร์ตเราเลยถือสินค้าพวกนี้ในสัตส่วนเท่าๆกันเลยดังในรูป
Screenshot_1.jpg
(ภาพจากpeper Risk Parity is About Balance) http://www.bwater.com/ViewDocument.aspx?f=76
ในรูปก็จะเห็นว่าเขาเอา ตัว Inflation มาเทียบกับตัว Growth เพื่อแสดงว่าตลาดจะไม่มีทางที่มูลค่าจะไปทิศทางเดียวกันตลอด เขาจึงบริหารความเสียงไว้เท่าๆกัน

จากที่ผมอธิบายมาอาจจะไม่เห็นภาพมากพอ ผมไปเจอคนที่เขาทดสอบแนวคิดนี้ในเว็บนึงมา
วิธีเขาทำง่ายมากๆ
เขาเลือกที่ถือ stock 25% bonds 25% Gold 25% cash 25% โดยใช้สินค้า
1. stock แทน STI ETF
2. Bonds แทนlong term government bond: iShares Barclays 20+ Yr Bond ETF (TLT)
3.gold แทน SPDR GLD
4. cash แทน SGD cash

Screenshot_3.jpg
ภาพจาก http://www.investmentmoats.com/wealth-building-2/holy-grail-portfolio-permanent-portfolio-face-quiet-periods-deal/
Screenshot_4.jpg

ภาพจาก http://www.investmentmoats.com/stock-market-commentary/portfolio-management/the-permanent-portfolio-the-holy-grail-for-investing/

จากภาพจะเห็นว่าบางปีทองไม่ได้ขึ้นเลย แต่ก็มีสินค้าอย่างอื่นที่ขึ้นมาทดแทนกัน แต่โดยรวมพอร์ตของเราก็จะขึ้นตามมูลค่าของตลาดด้วยตัวของมันเอง ^^  ถ้าเราอยากเข้าใจการทำงานของพอร์ตนี้ต้องลองเอาไปประยุกต์ใช้ในแบบของที่ตัวเราถนัดเราจะเห็นภาพและเข้าใจ มากขึ้น อิอิ








จริงจังกับชีวิต /ตารางเวลา

เขียนสรุปประโยชน์ของกิจกรรมเสริมที่ผมทำ ประโยชน์ เป้าหมาย อิอิ

1.เป้าหมายสูงสุดในชีวิต ?
อยากเป็นเฮดจ์ฟันด์เมเนเจอร์ (ถ้าเป็นไปได้ขออยู่ในสังกัดของMUD )
2. กำหนดระยะเวลาเป้าหมาย ช่วงอายุ 40-45 ปี
3.ปัจจุบันได้เดินทางในแนวทางเป้าหมายสูงสุดในชีวิตหรือไม่ ?

ปัจจุบันได้ทำงานในเฮดจ์ฟันด์รับหน้าที่เป็น mentor คอยเช็คบัญชีเทรดเดอร์ อัพเดทข้อมูล ดูแลสภาพแวดล้อมของเทรดเดอร์ คอยเช็คสภาพความแข็งแกร่งจิตใจ วิเคระห์ผลการเทรด คอยดูอารมณ์เทรดเดอร์ รับคำปรึกษาปัญหาของเทรดเดอร์ ดูแลความเป็นอยู่ คุมกฏกติกาในการอยู่แคมป์
รับงานต่างๆ ของพี่ต้าน
ซึ่งเป็นงานที่ผมคิดว่าตรงตามแนวทางของเป้าหมายสูงสุดในชีวิต และรู้สึกมีความสุขเมื่อได้ทำงานอะไรก็ได้เกี่ยวกับเฮดจ์ฟันด์ ผมเลือกหน้าที่นี้เพราะว่าผมอยากที่จะช่วยแบ่งเบางานของพี่ต้าน  ผมอยากเก่งด้านคนจิตวิทยาอยากเอาความรู้ตรงนี้มาประยุกร์ใช้ให้เป็นประโยชน์กับฟันด์ของพี่ต้าน
ผมอยากเห็นมุมมองภาพใหญ่ของการเทรด ผมอยากอยู่ในแวดวงนี้ ถึงแม้ผมจะช่วยได้เล็กน้อยแต่ผมก็เต็มใจที่จะทำ เสมือนผมได้ทำงานในฝันอยู่ทุกวันๆได้ทำงานอยู่ใกล้ๆกับฟันด์เมเนเจอร์ แค่ได้ซึมซับแนวคิดก็ทำให้ผมได้พัฒนาด้านจิตใจมากขึ้นต้องขอบคุณที่ให้โอกาสผมได้ทำงานนี้
ถ้าผมมีโอกาสได้ทำงานในที่นี้อีก 20-30ปี ผมคิดว่าประสบการณ์ที่ผมมีจะช่วยพัฒนาเทรดเดอร์ที่ดี และมีมุมมองเกี่ยวกับสายอาชีพนี้มากขึ้นแน่ๆ


ตารางเวลา
08:30 น. - 09:00 น.
ตื่นนอนทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย แล้วก็เช็คราคา EURUSD USDCHF AUDUSD USDCAD   GBPJPY EURGBP GOLD S&P500 (ใช้เวลาดู 2นาที ) ช่วงเช้านีผมจะพูดกับตัวเองว่า ยินดีต้อนรับสู่เช้าวันใหม่ที่สวยงาม


09:00น. -09:30 น.
คุยโทรศัพท์หาจุ๊บจิ๊บ ถึงแม้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันผมก็พยายามจัดสรรเวลาให้กับเขา เป็นเวลาที่เราจะได้ระบายสิ่งที่ไม่สบายใจ หรือว่าเล่าประสบการณ์ใหม่ๆให้ฟัง เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขถึงแม้วันนั้นเราจะทะเลาะกันบ้าง พยายามเริ่มต้นวันด้วยอารมณ์ที่แจ่มใส


09:30 น. - 10:10 น.
เช็คตลาด ช่วงนีก็จะดูรอบออเดอร์ของเทรดเดอร์ จุดเข้าออกเช็คความเรียบร้อยว่าเขายิงถูกกฎหรือไม่ เช็คบัญชีของเทรดเดอร์ เช็คตารางเวลาเข้า-ออกห้องแลป จัดเรียงออเดอร์ของวันที่ผ่านมารวบรวมให้เข้าที่เรียบร้อย ความรู้สึกดีเตรียมพร้อมเข้าสู่วันใหม่ที่สดใส เตรียมงานเรียบร้อยไม่มีอะไรผิดพลาด



10:10 น. - 10:40 น.
เวลานั่งสมาธิ สงบสติอารมณ์พักผ่อนทางจิตวิญญาณ
1.ฝึกดูจิตใจกับสิ่งแวดล้อมที่มากระทบประสาทสัมผัสทั้งเสียง กลิ่น ความรู้สึก บรรยากาศรอบข้าง
2.ฝึกเรียกสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน เวลานั่งสมาธิเป็นเรื่องที่ง่ายมากในการหลุดจากการโฟกัสลมหายใจหากเรารู้ตัวให้เรียกสติกลับมาอยู่ที่ลมหายใจให้ไวที่สุด จะทำให้จิตเราเกิดพลังยิ่งดึงกลับมาบ่อยเท่าไหร่ จิตใจเราจะแกร่งขึ้นเท่านั้น
3.ฝึกให้เรียนรู้ความรู้สึกของร่างกายตัวเรา ทั่วทั้งตัวว่ามีจุดไหนที่เราสบาย จุดไหนที่เราเป็นทุกข์ ถ้าจะดับความทุกข์จุดๆนั้นก็ให้โฟกัสไปที่จุดนั้นแล้วมันจะหายไปเอง

10:40 น. - 11:10  น.
เทรดเดอร์ทานข้าวมื้อแรก จับเวลาในการทานข้าวของเทรดเดอร์ให้ไม่นานเกินไป  

11:10 น. - 13:00 น.
ช่วงเวลานี้ ส่วนใหญ่ผมทำหน้าที่ตรวจเช็คออเดอร์ ของเทรดเดอร์คอยอัพรอบให้เทรดเดอร์ พยายามอยู่กับเทรดเดอร์ให้มากๆ ช่วงนี้ผมอาจจะอยู่ในห้องแลปคอยดูพฤติกรรมของเทรดเดอร์ทั้งการพูด การกระทำ ว่าเขาปกติไหม อารมรณ์เป็นอย่างไร มีอะไรไม่พอใจหรือไม่ ถ้าเทรดเดอร์ว่างหรืออยากเทรดเขาจะมานั่งอยู่ในห้องแลป และจะชวนคุยซึ่งทำให้รู้ว่าเทรดเดอร์เขารู้สึกอย่างไร บางคนก็เอาช่วงเวลานี้ไปพักหรือฝึกทักษะเสริม


13:00 น. -14:00 น.
เวลานี้ถ้าเป็นวัน จันทร์ พุธ ศุกร์ จะเป็นช่วงที่ผมว่ายน้ำออกกำลังกาย ผมชอบช่วงนี้มากๆเพราะมันทำให้จิตใจผมผ่อนคลายทำให้ผมได้ปล่อยความคิดให้โลดแล่นไปกับท้องฟ้าและสระน้ำ เป็นช่วงที่ผมจะคิดขอบคุณสิ่งต่างๆที่อยู่รอบๆตัว ถ้าไม่มีพี่ต้านก็ไม่มีสระน้ำไม่มีเครื่องดันน้ำ ไม่มีการเทรนนิ่ง ไม่มีเทรดเดอร์ให้ผมสะสมประสบการณ์ ไม่มีที่ให้ผมได้นอนหลับสบาย ผมจะตระหนักเสมอว่าเราจะทำอะไรตอบแทนให้พี่ต้านได้บ้าง เราจะพัฒนาอะไรให้องค์กรได้บ้าง สุดท้ายผมก็จะกลับมาพูดกับตัวเองว่า เราว่ายน้ำเพื่อให้สุขภาพดี พอสุขภาพดีเราก็เอามาพัฒนาตัวเราเพื่อให้เราพัฒนาสิ่งรอบข้างได้ดี      
ถ้าเป็นช่วง อังคาร พฤหัสบดี ผมอาจจะเอาเวลาตรงนี้ไปโทรศัพท์คุยกับจุ๊บจิ๊บเป็นชัวโมงที่ผมและเขาจะได้คุยกันเพื่อสร้างความเข้าใจกัน บางทีผมก็รับฟังเรื่องที่เขาเครียด เรื่องที่บ้าน เรื่องงาน เรื่องเกม ส่วนใหญ่เขาจะอยากระบายมากกว่า พอเขาระบายเสร็จเขาก็จะแฮปปี้


  14:00 น. - 15:00 น.
เวลานี้ผมจะเข้ามาในห้องแลปเพื่อเตรียมโปรแกรมในการเทรด โฟกัสพอร์ตเทรดของเทรดเดอร์
เตรียมข่าวในเว็บ forexfactory เตรียมคีย์ออเดอร์ให้เทรดเดอร์ในการ Blind Trade ก่อนบ่ายสามโมง ทำให้ผมและเทรดเดอร์ได้คุยกันในช่วงนี้ บรรยากาศในห้องตอนช่วงนี้คือเทรดเดอร์จะคุยกันว่าจะยิงสินค้าตัวไหนดี มีการดูกราฟเพื่อประกอบการตัดสินใจก่อนที่จะส่งคำสั่ง


15:00 น. - 17:00 น.
ตอนสามโมงเย็นผมจะยิงออเดอร์ Blind Trade ให้เทรดเดอร์ จนครบทุกคน คอยมอนิเตอร์
ออเดอร์ทุกอันว่าออเดอร์ไหน ถึง TP/SL แล้ว ช่วงนี้จะคอยดูออเดอร์ตลอดจนกว่าเทรดเดอร์จะเปิดตากันหมด ถึงจะเป็นช่วงที่ผมสามารถทำอย่างอิ่นได้ก่อนที่จะทานข้าว ระหว่างนี้เทรดเดอร์จะออกมายืดขาผมจะคอยจับเวลาให้ กำหนดขั้นต่ำในการยืนคือ 5 นาที เทรดเดอร์ต้องยืนให้ครบวันละ3ครั้ง ต่อวัน

17:00 น. - 17:20 น.
เทรดเดอร์ทานข้าวมื้อที่ 2 จับเวลาในการทานข้าวของเทรดเดอร์ให้ไม่นานเกินไป  
17:20 น. - 19:30 น.


หลังจากทานข้าว เทรดเดอร์ส่วนใหญ่จะเปิดตากันบ้างแล้ว ตอนนี้จะเป็นช่วงที่ผมได้ทำกิจกรรมเสริมของตัวเอง
1.ถ้าหากมีงานแปลบทเรียนของเมนเตอร์ งานที่คุณชัชได้ไปเรียนมา ผมก็จะเอาเวลาตรงนี้นั่งแปลงานจากภาษาอังกฤษเป็นภาษาไทย จะใช้เวลาช่วงนี้นานหน่อยในการศึกษา ทำให้ผมได้ใช้เวลาตรงนี้อ่านบทความที่คุณชัชไปเรียนมาพอดี
2.ถ้าหากงานแปลเสร็จหมดแล้ว ผมจะแปลหนังสือหลักการ (Principles) จากภาษาอังกฤษแปลเป็นไทยเพื่อเก็บไว้เอามาทำความเข้าใจและอ่านเองเพื่อพัฒนาทางด้านจิตวิญญาณ ให้เติมโตมากขึ้นผมอยากเข้าใจหนังสือเล่มนี้เพื่อเอาไปประยุกร์ใช้กับตัวเองและวางตัวกับคนรอบข้างและเอาไปสร้างเสียภายในใจของตัวเอง
3.เมื่อเดือนที่แล้วผมใช้เวลานี้ทำกิจกรรม หาข้อมูลเกี่ยวกับปรัชญาการเป็นโค้ชนักกีฬา หาข้อมูลโค้ชกีฬาในวงการต่างๆ พยายามดูวัฒนธรรมองค์กรของแต่ละทีมซึ่งทำให้ผมเอามาปรับใช้กับการเทรนนิ่งได้มาก เช่น ห้ามด่ากัน ห้ามโทษเพื่อน ต้องให้อภัยกันได้ เรียนรู้ข้อผิดพลาดของตัวเอง แนวคิดเรื่องของชัยชนะ มองอะไรยาวๆ


19:30 น.  - 21:30 น.
ผมจะขอตัวไปนอนในห้องนอน ประมาณ 2 ชั่วโมง แรกๆผมใช้เวลานอน1 ชั่วโมง ทำให้ผมรู้สึกว่านอนไม่เต็มที่สมองไม่ได้รีเฟต รู้สึกสมองยังตึงๆอยู่ เรทการแนปที่พอดีสำหรับผมคือ 1ชั่วโมงครึ่ง โดยประมาณ ผมก็ใช้เวลาที่เหลือคูลดาวตัวเองก่อนที่จะตื่นมาห้องแลปต่อ บางทีก็ใช้เวลาตรงนี้โทรหาที่บ้านพูดคุยความคืบหน้าของตัวเองให้พ่อแม่ไม่เป็นห่วงมาก็ไม่รบกวนเวลาผม
21:30 น. - 22:40 น.
หลังจากตื่นนอน ผมก็จะมาเข้าแลปเพื่ออัพรอบของเทรดเดอร์ ว่าค่าเฉลียเท่าไหร่แล้วช่วงนี้
ออเดอร์จากการเทรดจะเยอะเป็นพิเศษเพราะช่วง 1-3 ทุ่มตลาดเมกาเปิด ทำให้มีออเดอร์เยอะระหว่างช่วงนี้ผมก็จะคอยดูตลอดว่าเทรดเดอร์คนไหนยิงผิดกติกาหรือเปล่า ถ้าผิดก็ลงโทษตามกฏเหมือนเดิม ช่วงนี้เทรดเดอร์จะมีสมาธิในการเทรด เวลา 22:10 - 22:30 ในเวลานี้จะให้เทรดเดอร์ทำโยคะเน้นบริหารไปที่ต้นคอและไหล่แขนและเอว หลังจากทำโยคะก็จะให้เทรดเดอร์เขียนไดอารี่ส่วนตัวในหัวข้อว่า
1.วันนีเจออะไรที่ทำให้รู้สึกดี 2.เราอยากพัฒนาอะไร 3.เราจะพัฒนาสิ่งนั้นอย่างไร 4.เราอยากขอบคุณอะไร
22:40 น. - 23:00 น.
เทรดเดอร์ทานข้าวมื้อที่ 3 จับเวลาในการทานข้าวของเทรดเดอร์ให้ไม่นานเกินไป  


23:00 น.- 02:20 น.
หลังจากทานข้าวเสร็จผมต้องจดเวลาที่เทรดเดอร์ออกไปข้างนอกให้ครบทุกคนเทรดเดอร์กลับเข้าแลปกันหมดแล้วก็จะเป็นเวลาที่ผมทำงานที่ค้างอยู่เป็นช่วงที่ผมจะดูตลาดบ้างหรือทำกิจกรรมอื่นๆหาข้อมูลอื่นๆเสริมในช่วงนี้ได้ดี ผมต้องทำควบคู่ไปกับการเช็ครอบของเทรดเดอร์ เช็คข้อผิดพลาดของการยิงออเดอร์ผิด ผมจะได้เรียนรู้อย่างอิสระในช่วงเวลานี้ ถ้าวันไหนผมง่วงผมก็จะแนปอีก 30นาที


02:20 น. - 02:50 น.
ผมจะปลูกเทรดเดอร์ที่แนปในช่วงนี้ตอน 02:20 น.เพื่อทำสมาธิก่อนนอน เป็นการปล่อยวางความคิดที่ฟุ้งซ่านตลอดวัน เพื่อประสิทธิ์ภาพในการนอนหลับของเทรดเดอร์และตัวผมเอง จะใช้เวลาแค่ 15นาทีก่อนจะออกจากแลป เพราะไม่อยากใช้เวลาเกินกว่านี้จะทำให้เขาไม่โฟกัสกับลมหายใจจะทำให้เทรดเดอร์คิดฟุ้งซ่านก่อนที่จะนอนหลับมากเกินไป ผมจะปล่อยเทรดเดอร์ออกจากแลปเวลาประมาณ 02:50 ก่อนเวลาตี3 เพื่อให้เทรดเดอร์รู้สึกว่าได้เวลาพักผ่อนเพิ่มและเพียงพอ เป็นจิตวิทยา

ประโยชน์จากกิจกรรมเสริม  


1.กิจกรรมอ่านหนังสือ
ประเภทจิตวิทยาหลายๆแขนง จิตวิทยาพัฒนาตัว จิตวิทยาปกครอง จิตวิทยาการกีฬา จิตวิทยาครอบครัวหนังสือสามก๊กจากการอ่านหนังสือประเภทนี้สิ่งที่ผมเอาไปใช้ในชีวิตประจำวันได้คือการวางตัวกับสภาพแวดล้อมให้เหมาะสมการอ่านพวกนี้ทำให้ผมเติมโตทางความคิดขึ้นอย่างมากในการพัฒนาตัวเอง มันทำให้ผมรู้ตัวว่าผมกำลังทำอะไรเราอยู่จุดไหนของเป้าหมาย เราพัฒนาไปเพื่ออะไร การอ่านหนังสือจิตวิทยาทำให้ผมรู้สึกปลอดภัยผมรู้ว่าคนแบบไหนควรพูดอย่างไรคนแบบไหนพูดแล้วฟังช่วงเวลาไหนเขาจะรับฟังผมเรียนรู้ที่จะให้อภัยเห็นใจผู้อื่นเพราะอะไรเขาถึงเป็นแบบนี้การที่คนๆนึงจะทำสิ่งนึงออกมาได้หรือพูดมาได้เขาต้องหล่อหลอมสิ่งเหล่านั้นไว้ในใจนานพอถึงจะแสดงอาการนั้น ออกมาผมเรียนรู้ว่าลึกๆแล้วทุกๆคนก็ต้องการให้สังคมยอมรับการกระทำของตัวเองบางอย่างเขาจึงทำ
สิ่งนั้นลึกๆแล้วทุกคนไม่อยากถูกตำหนิในด้านจุดอ่อนของตัวเองผมเรียนรู้ที่จะเลือกใช้คำพูดให้ตรงประเด็นและทำให้ผู้ฟังไม่รู้สึกแย่มนุษย์มักจะมีอคติกับคนที่พูดไม่ดีด้วยการระวังคำพูดจึงเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการใช้ชีวิตร่วมกันของผมหลักง่ายๆคืออถ้าเราไม่ชอบการกระทำแบบไหนเราก็ไม่ควรทำแบบนั้นกับคนอื่น ถึงเขาจะไม่พูดว่าไม่ชอบแต่เขาสามารถรู้สึกอยู่ลึกๆ
การศึกษาจิตวิทยาการพัฒนาตัวทำให้ผมค้นพบเสียงภายในตัวเอง เสียงในหัวที่คอยหล่อหลอมผมให้เดินไปทางทิศที่ตัวเองเลือก บางครั้งสถาณการณ์มันก็เหมือนกับเราโดนบังคับแต่ลึกๆแล้วตัวเราเองที่เลือกทางไว้ตั้งแต่ต้นแล้วเราต้องใช้ความซื่อสัตย์กับตัวเองอย่างมากในเรื่องนี้เราจะตอบคำถาม กับตัวเองได้ว่าเราชอบอะไรและไม่ชอบอะไร ถ้าเราฝึกถึงขั้นลึกๆเราสามารถที่จะควบคุมอารมณ์,ความคิด,การกระทำ,คำพูดของเราได้ มันเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาตัวเอง เป็นจุดเริ่มต้นสำหรับการลงมือทำอะไรหลายๆอย่างให้สำเร็จ
จิตวิทยาการปกครอง ผมได้เรียนรู้อย่างมากโดยจากการอ่านผู้นำประวัติศาสตร์หลายๆคนมาเชื่อมต่อกัน ผู้นำแบบไหนที่ยิ่งใหญ่ ผู้นำแบบไหนที่คนกลัว ผู้นำแบบไหนจบไว ผู้นำแบบไหนที่ประชาชนรัก ผมก็เอามาปรับใช้ว่าผมอยากให้สภาพแวดล้อมเป็นอย่างไร ถ้าวันนึงผมได้มีโอกาสปกครองผมจะเป็นคนแนวไหน ส่วนใหญ่ผู้นำจะมาจากหลายเหตุการณ์ ผู้นำที่ผมอยากจะเป็นคือ ผู้นำที่ไม่ได้อยากจะเป็นผู้นำ ถูกแต่งตั้งจากการที่มีคนมอบให้ แต่ลึกๆเขาก็อยากสร้างประโยชน์ต่อส่วนรวม ผู้นำที่ใช้คุณธรรมในการปกครองรับฟังเสียตอบรับ ทุกๆคนทุกตำแหน่งสามารถเป็นผู้นำได้ หรือเรียกว่าผู้นำจากจิตใจเป็นแบบอย่างที่ดีได้ โดยวางตัวให้เหมาะสม ช่วยเหลือผู้อื่น เน้นประโยชน์ส่วนรวมก่อน ผู้นำที่มีพลังอำนาจมากคือผู้นำที่ได้รับการสนับสนุนมาจากประชาชน ประชาชนเห็นผู้นำทำงานหนักและไม่ถือตัวจะเป็นภาพที่ยิ่งใหญ่มาก สุดท้ายผู้นำควรคิดไว้เสมอว่าไม่ต้องสนใจว่าคนอื่นจะมองที่ส่วนไหนของเรา ยศ ตำแหน่ง เงิน ให้เราตระหนักไว้เสมอว่าเราควรค่าแก่การนับถือหรือยัง ถ้าตัวเรายังมองว่าเรายังไม่คู่ควรเราก็ควรที่จะพัฒนาให้ดีขึ้นได้  และผมก็ได้มีโอกาสฝึก skill นี้กับการใช้ชีวิตในแคมป์ ผมพยายามจะเป็นคนที่ใจกว้างระวังคำพูด ทำประโยชน์ต่อส่วนรวม เพื่อให้แคมป์สามารถดำเนินต่อไปได้โดยไม่ติดขัด เทรดเดอร์จึงไม่มีกำแพงกับผมเพราะผมก็ไม่มีกำแพงใดๆ ต้องขอบคุณพี่ต้านที่ทำให้ผมได้มีโอกาสเรียนรู้สิ่งต่างๆมากขึ้นเห็นสิ่งต่างๆมากขึ้น ผมยังต้องเจอประสบการณ์เยอะกว่านี้เจอคนมากกว่านี้




จิตวิทยาด้านกีฬา ปรัชญาการเป็นโค้ช โค้ชก็เสมือนผู้ที่นำเรือออกสู่ทะเล สู่เป้าหมาย ลูกเรือก็ไม่รู้หรอกว่าจะต้องเตรียมของอะไรไปบ้างโค้ชก็ไม่สามารถทราบได้เหมือนกัน แต่หน้าที่โค้ชคือเตรียมของเท่าที่จะจำเป็นติดตัวไป กีฬาคนส่วนใหญ่จะให้ความสำคัญกับการแพ้ชนะ ค่านิยมเหล่านี้ก็เหมือนเป็นการปิดโอกาสให้โค้ชเก่งๆหมดโอกาส แต่สุดท้ายโค้ชควรปลูกฝังให้นักกีฬาไม่ยอมแพ้ การพยายามที่จะชนะสำคัญกว่าการชนะ การเข้าใจธรรมชาติของเกมกีฬาที่เราลงเล่น ควรให้นักกีฬาสนุกไปกับเกม ให้นักกีฬาตระหนักเสมอว่าทำผลงานให้เต็มที่ผลแพ้ชนะไม่สำคัญหากเราแพ้เราจะได้เรียนรู้ประสบการณ์ที่มากขึ้น ถ้าเราชนะเราได้เห็นจุดอ่อนของอีกฝั่งและเราจะไม่เป็นแบบนั้น นักกีฬาต้องการกำลังใจจากโค้ชอย่างมาก เพราะโค้ชเป็นคนที่อยู่กับนักกีฬาตลอด
ผมได้ไปศึกษาวัฒนธรรมของทีมเกม E-Sport  LOL จาก youtube หลายๆทีมซึ่งสิ่งที่เขาให้ความสำคัญคือเรื่องของจิตใจนักกีฬาเป็นอย่างมาก โค้ชกับนักกีฬามีความผูกพันธ์กันมากต้องมีความเชื่อใจกันสูง ไ่ว้ใจกัน แต่ทีมกีฬาแต่ละฝั่งทั้งยุโรป เอเชีย ก็จะแตกต่างกันไม่เหมือนกันสักทีม ฝั่งยุุโรปเขาจะเน้นการพูดให้กำลังใจกันในทีม จังหวะการเล่นต่างๆเขาไม่เคยด่าเพื่อนในทีม เวลานักกีฬาทำผิดพลาดในเกมทำให้ทีมแพ้ เขาจะให้นักกีฬาคนนั้นอธิบายว่าทำไมต้องไปยืนจุดนั้น ทำไมไม่ยืนจุดนี้
เพราะออะไร แล้วโค้ชก็จะแนะนำว่าสิ่งที่โค้ชเห็นนักกีฬาควรเล่นยังไง ก่อนเล่น หลังเล่น ก่อนซ้อม หลังซ้อม โค้ชจะต้องมาประชุมกัน ทีมโค้ชจะมีหลายฝ่าย ฝ่ายวิเคราะห์เกม2คน โค้ชเกม1คน ทุกคนมีส่วนร่วมต่อการวิเคราะห์เกมทั้งสิ้น
แต่สำหรับฝั่งเอเชียรูปแบบฝึกซ้อมหรือการอยู่ร่วมกันก็จะแตกต่างกันรูปแบบแคมป์เขาจะเป็นเหมือนห้องเช่าแฟต ห้องรกๆ มีห้องนอน2ห้อง ในทีมนึงก็จะแบ่งเป็นสองทีมแข่งกัน และจะมีห้องเล่นเกมฝึกซ้อม1ห้อง ลักษณะชิวมาก จะมีแม่ของนักกีฬามาทำอาหารให้ สภาพดูอบอุ่นมากกว่าฝั่งยุโรป และฝั่งเอเชียโค้ชจะเน้นการกดดันด้วยคำพูดเช่น มีช่วงนึง เวลาทีมแพ้โค้ชจะถามว่าใครจะรับผิดชอบ ใครรู้ว่าควรแก้ยังไง ให้นักกีฬาสารภาพเอง และโค้ชจะบอกว่า ลุยเลย
ตัวนักกีฬาเองก็ต้องมีเสียงภายในใจเช่นกัน นักกีฬาก็ต้องมีจิตใจที่อยากพัฒนาดังเช่นคำพูดของนักกีฬาหลายๆคน
คำแนะนำของ Faker ทีม SKT T1
1.อย่างแรกมันขึ้นอยู่กับการเล่นของคุณเอง มีความคิดที่อยากจะพัฒนา
2.ดำดิ่งไปกับเกม มองมินิแมพให้บ่อยๆให้เท่าๆกับการเล่นเกม และคิดเรื่องเกี่ยวกับเกมตลอด ผมคิดว่ามันสำคัญมากที่จะคิดเกี่ยวกับการเล่นเกมของคุณเองในเกม
3.สำคัญมากอีกอย่างคือ คุณควรสนุกไปกับเกม
ถ้าเก็บทั้ง3สิ่งไว้ในใจได้ ผมคิดว่าคุณจะเล่นได้ดีเหมือนผม


คำแนะนำของ Swortart ทีม Flash Wolves
1.คุณต้องมีวิธีคิดที่บวกมากๆพูดกับตัวเองในแง่ที่ดี
2.คุณต้องเชื่อมั่นใจตัวเองให้มากๆ
3.สุดท้ายคุณต้องอย่าเป็นคนที่ยอมแพ้ เมื่อแพ้แล้วก็ต้องสู้ใหม่





2.กิจกรรมเล่นเกม League of Legend กับจุ๊บจิ๊บ (เสาร์-อาทิตย์)
เป็นกิจกรรมที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เพราะจุ๊บจิ๊บพึ่งลงวินโดว์ใหม่ทำให้โน๊ทบุ๊คเล่นเกมได้ กิจกรรมนี้ผมตั้งโจทย์ไว้เพื่อ 1.สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน 2.เข้าใจอารมณ์ของกันและกัน  
3.ลองทำงานด้วยกันว่าส่งเสริมกันไหม 4.พัฒนาการสื่อสารของตัวเรา 5.ยอมรับผลของธรรมชาติ


1.สร้างความสัมพันธ์ระหว่างกัน คือเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมันจะมีน้อยและการเล่นเกมด้วยกันเราจะอยู่ด้วยในเกมเรามีจุดมุ่งหมายเหมือนกันคือการได้รับชัยนะ เป็นกิจกรรมที่ใช้ทุนน้อยแต่ได้ความสัมพันธ์ที่ดี ผมลองใช้เวลาหลายๆอย่างกับการอ่านหนังสือ เล่นหมากรุก ออกกำลังกาย(วิ่ง,ว่ายน้ำ) ซึ่งเขาทำกิจกรรมเหล่านี้ร่วมกันแล้วจิตเรายังไม่แมทกันเท่าไหร่เขาอาจไม่ชอบอ่านหนังสือ เขาอาจไม่ชอบออกกำลังกาย แต่ผมรู้ว่าเขาชอบเล่นเกมผมจึงเอาจุดนี้มาเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเราทำให้เราคุยเรื่องต่างๆได้ง่ายขึ้นพยายามเอาบางเรื่องมาโยงเข้ากับเกมแรกๆผมต้องปรับตัวแต่หลังๆก็เข้าใจมากขึ้นเขายังมีอะไรอีกหลายอย่างนอกจากเกมที่เขายังชอบ


2.เข้าใจอารมณ์ของกันและกัน ต้องบอกว่าการเล่นเกมช่วงแรกๆเวลาผมทำอะไรไม่ได้ดังใจ เขาจะหงุดหงิดมากโวยวายในเกมบางทีถึงขั้นเล่นแย่ๆเพื่อประชดเลยทีเดียว พื้นฐานเขาเป็นคนอารมณ์ร้อนผมก็จะไม่ไปปรับเขาทีเดียวแค่พยายามชี้ให้เขาเห็นอีกมุมมองนึงเวลาโกธร ผมไม่ด่าหรือว่าเขาผมต้องทำตัวนิ่งๆไวเพื่อให้เขาใจเย็นลง การเล่นเกมมันทำให้เห็นอารมณ์ได้ชัดเจนมากจริงๆ ช่วงแรกๆเป็นช่วงที่ผมต้องใช้ความอดทนมากในการรองรับอารมณ์ถ้าเขาเล่นแร้งแพ้ ทุกๆเรื่องก็จะเอามาชวนทะเลาะได้
จนสุดท้ายผมก็ค่อยๆบอกเขาทีละอย่างๆค่อยๆพูดชี้ให้เห็นผลเสีย ผมก็ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงทางความคิดของเขาทีละเล็กละน้อย จนตอนนี้เขาจัดการอารมณ์ตัวเองในการเล่นเกมได้ดีมากๆ เขามีสติมากขึ้น เวลาเขาแพ้เขาจะหงุดหงิดน้อยกว่าเมื่อก่อนมากๆ และการฟื้นฟูจิตใจหลังการแพ้จะเร็วกว่าเมื่อก่อนต้องยอมรับว่าเขาปรับสภาพจิตใจได้ดี ทำให้เรื่องต่างๆในชีวิตประจำวันเขาหงุดหงิดน้อยลงเช่นเรื่องการขับรถ อะไรไม่ได้ดังใจ เขาก็จะปรับตัวได้ดีขึ้น


3.ลองทำงานด้วยกันว่าส่งเสริมกันไหมสำหรับกิจกรรมเกมเราเล่นในตำแหน่งที่เสริมกันอยู่แล้ว แรกๆผมเข้ากับเขาเล่นคู่กันไม่ค่อยได้ ผมต้องให้เขาสอนทีละอย่างสองอย่างผมก็ต้องปรับตัวพอสมควร พอเล่นได้ถึงจุดนึงผมก็มีอีโก้เล่นแบบไม่ฟังเขา จนสุดท้ายผมก็ต้องปรับบางอย่างให้เขากันให้ได้ สไตล์การเล่นผมก็ต้องปรับจนช่วงหลังๆมานี้เริ่มเข้ากันได้ดีขึ้นเวลาเล่นด้วยกันเริ่มวางใจกันและกันว่าจะผลการเล่นที่ออกไปเราได้ทำเต็มที่กับมันแล้ว


4.พัฒนาการสื่อสารของตัวเรา การเล่นเกมสำคัญคือเรื่องการสื่อสารเราด้วยกันเองและทีม บางครั้งเราก็ผิดพลาดจากการสื่อสารกันก็พากันทำทีมแพ้ก็มี สุดท้ายถ้าเรื่องอารมณ์ยังไม่พัฒนาก็จะหงุดหงิดกันยาวเลย แต่ยังดีที่เรื่องอารมณ์เราดีขึ้นแล้ว เรื่องการสื่อสารเลยทำได้ง่ายขึ้น ต้องชมเขาบ่อยๆ 555
5.ยอมรับผลของธรรมชาติ เราก็กำลังเรียนรู้และพยายามทำความเข้าใจของเกมว่าเป็นธรรมชาติของเกมกีฬาอยู่แล้วที่ต้องมีแพ้ชนะ หากเรามองระยะยาวแล้ว skill play ในการเล่นของเราคือสิ่งที่อย่ติดตัวของเราถาวร ผลแพ้ชนะหรือ คะแนนอันดับแร้ง มันแค่ผลพลอยได้เป็นผลลัพธ์จากการเล่นดีของเรา



3.หมากรุกสากล
ส่วนใหญ่ผมจะเล่นช่วง ตี1-2 ผมอยากฝึกskill หมากรุกผมอยากวางแผนได้หลายๆชั้นผมพยายามฝึกโดยเล่นวันละไม่เกิน 1ชม เพราะสมองผมอาจจะยังรับไม่ไหวเป็นกิจกรรมที่รองๆลงมาประโยชน์ที่ได้คือ ทำให้ผมเห็นมุมมองของธรรมชาติได้อีกมุมมองหมากรุกถ้าเราคิดน้อยกว่าฝั่งตรงข้ามเราก็มักจะเสียเปรียบ ผมได้เห็นถึงขั้นของskill ของตัวเอง Lv1.1 รู้ว่าแต่ละตัวเดินอย่างไร
Lv1.2  รู้มูลค่าของหมากแต่ละตัว Lv1.3 รู้วิธีขึ้นหมากบ้างเล็กน้อย Lv1.4 แลกตัวหมากฝั่งตรงข้ามแต่ทำอย่างไรให้เราได้กินเบี้ยเขาฟรี หลังเกมเราก็จะได้เปรียบ ผมอยากเข้าใจปรัชญาของมันและผมอยากมีฝีมือพอที่จะอยู่บนค่าเฉลียของการเล่นหมากรุกสากลได้

สรุปแนวคิดการทำกิจกรรม
ทุกกิจกรรมที่ผมทำในช่วงเวลาว่าง ผมคิดว่ามันเป็นประโยชน์กับวิถีชีวิตของผมเองผมพยายามทำให้มันเป็นกิจวัตรให้เรียบง่าย พร้อมกับการพัฒนาตัวเองไปด้วย กิจกรรมต่างๆผมคิดว่ามันจะช่วยในส่วนงานที่ผมต้องรับผิดชอบให้มันผ่านไปได้ด้วยดีและมีประสิทธิ์ภาพ ทำให้แคมป์ดำเนินไปอย่างต่อเนื่องถ้าหากองค์กรเติบโต ผมก็จะได้ทำงานในองค์กรที่เติบโตไปด้วย หากทุกคนมีความสุขลึกๆกับสิ่งที่ทำ คนรอบตัวผมก็จะมีแต่คความสุขทุกคนมีความฝันและความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาตัวเองและองค์กรต่อๆไป