วันศุกร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2556

keep



     ทุกครั้งที่ผมกำลังฝึกเล่นหมากรุกจะมีบทความ บทความนึงแว๊บขึ้นมาในหัวทันที เป็นบทความที่บอสเคยสอนไว้เรื่องของmentor ว่า

": มันเลยต้องมี mentor น่ะครับ อย่างเรื่อง motivations เนี่ย เช่น ทีมหมากรุกรัสเซีย (เวลาพี่แข่งหมากรุกฝรั่งเล่นยังไงก็สู้รัสเซียไม่ได้ -*-) เค้าจะแบบ u รักในหมากรุกจริงมั้ย หรือ แค่ตั้งใจหนักอย่างเดียวไม่พอต้องพร้อมตายเพื่อมันด้วย นักหมากรุกจะโดนขังอยุ่ในห้องให้อยุ่ในสถานการณ์ do or die ถ้าแต้มไม่ improve ก้จะโดนอดข้าวอดน้ำ บางคนโดนหามส่งโรงพยาบาล แล้วก็ยังจะกลับมาฝึกอีกเป้นต้นครับ คนที่กลัวตายมักจะเลิกไปก่อน พวกนี้จะมีแรงจุงใจที่สูงมากยอมตายคาโต๊ะหมากรุกกันทีเดียว เรื่อง motivations ระดับสูงๆเนี่ย ถ้านึกไม่ออกลองนึกถึง นักกีฬาเกาหลีเหนือก็ได้ครับ อิอิ "
(ปล.แต่ล่าสุดเห็นว่าบอสชนะรัสเซียได้แล้วนะ หุหุหุ)

รู้เลยว่าถ้าอยากเก่งในวิชาอะไรมันต้องฝึกหนักและใจรักจริงๆๆ มันถึงจะไปได้ดีและอดทนฝึกกับมันได้นาน ไม่แปลกใจเลยทำไมเราเล่นกากมากๆๆ หากเทียบกับคนอื่น ผมจำคำพูดอีกอันนึงของนักเล่นเกม starcraft2 นามSlayerBekho (เป็นชาวเกาหลี)ได้ว่า เคยมีคนถามเขาว่าทำอย่างไรให้เล่นเกมเก่งเป็นอาชีพแบบเขา  ผมสรุปคำพูดสั้นๆของเขามาว่า " ไปเล่นให้ครบ 2000เกมก่อนแล้วค่อยมาคุยกันใหม่"

" ไม่ทุกคนที่พยายามแล้วจะประสบความสำเร็จ แต่ ทุกคนที่ประสบความสำเร็จคือคนที่ พยายามnot everyone who succeed struggled, but those who did succeed definitely struggled and worked hard." 

วันเสาร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2556

พอร์ตในอุดมคติ




เมื่อ6เดือนที่แล้วผมเกิดอยากทดลองอะไรสนุกๆขึ้นมา จุดเริ่มต้นคือคำถามที่ถามตัวเองว่า พอร์ตในอุดมคติผมเป็นอย่างไร ก็ได้ข้อสรุปออกมาว่าพอร์ตที่ไม่เจ๊งสามารถเติบโตอยู่ได้ในทุกสภาพอากาศเศรษฐกิจ ผมก็ลองเลย เนื่องจากทรัพยากรที่มีจำกัดผมเลยจะทดลองกับMT4  สุดท้ายก็ผ่านมาแล้ว 7เดือน สภาพพอร์ตตอนนี้ก็.............................น่ายินดีมากๆๆครับ ฮ่าๆๆๆ ๆสามารถรอดจากสภาพตลาดอันโหดร้ายของค่าเงินมาได้ ^__^
อันนี้เป็นพอร์ตของท่านเรย์เดริโอ เขาอธิบายหลักของall-weather asser mix ซึ่งผมเห็นแว๊บแรกก็หลงรักหัวปักหัวปำเลยย


พอร์ตส่วนตัวที่เพิ่งทำมาได้แค่ 7เดือนในตลาดค่าเงิน ผมเห็นแล้วก็ชื่นใจมากๆว่ามันจะคล้ายๆกับกราฟไอดอล(เรย์) ผมแล้ว
555555555+ ด้วยความเกรียนของผม ผมเลยลองเอาพอร์ตตัวเองมาลองวัดกับพอร์ตท่านเรย์เดริโอดู ผมว่ามันสวยดีนะครับ ช่างกล้ามากๆอ่ะ ><
แต่จริงๆพอร์ตผมเทียบอะไรไม่ติดกับพอร์ตท่านเรย์เลยนะครับ พอร์ตผมอายุแค่7เดือน ส่วนของท่านเรย์อายุ 20กว่าปี  
แล้วมาดูกันว่าผมเจอกับสภาพอากาศแบบไหนในช่วง7เดือนที่ผ่านมา  
มาดูสินค้าที่ผมเทรดกัน
Eu
uc
au
uc
สุดท้ายแล้วผมไม่ได้บอกนะคับว่าพอร์ตในอุดมคติผมจะผลตอบแทนเป็น100เท่า 1000เท่าแต่พอร์ตผมแค่เอาตัวรอดในระยะเวลาที่พอสมควร กับสภาพตลาดที่ผันผวนสุดๆการทำพอร์ตทดลองนี้อาจใช้เงินน้อยมากๆๆ มาลองทำ ผลออกมาเป็นที่น่ายินดีเหลือเกินนนนน ^__^


12/9/2013  
ก้าวแรกของการเริ่มทดลองแบบใหม่ ตื่นเต้นมากๆๆๆๆ (ไม่คิดว่าจะได้ลองรูปแบบโบรกแพกฟอร์มของจิง) อยู่ในช่วงเก็บประสบการณ์ สู้ๆๆ ^0^


สามารถติดตามพอร์ตได้ตามนี้เลย 12/19/2013(พอร์ตกำลังเกิดวิกฤต><) http://www.myfxbook.com/members/GAPVII/longtermwealth/783821

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
1/9/2014  ตอนนี้กราฟพอร์ตผมหักหัวขึ้นแล้วนะครับฮ่าๆๆๆๆ และแล้วมันก็ผ่านเลยไป ผมนับเสมอเวลาพอร์ตเกิดช่วงที่วิกฤต 



ผลงานล่าสุด 6/15/2014  (เดือน/วัน/ปี)

อิอิอิ
https://www.myfxbook.com/portfolio/long-term-wealth/783821
ติดตามมพอร์ต

เล่นตามBOT

     จากที่ผมเล่นตามบอทมาได้ 1อาทิตย์ ผมเห็นอะไรบางอย่างซึ่งแน่นอนผมไม่รู้ว่าบอททำการซื้อขายอย่างไร  แต่เจ้าของบอทก็บอกว่ามันเล่นตามกราฟรุ้งนี้หละ

     หน้าที่ของผมก็คือเล่นตามบอทและเรียนรู้จากมันไปด้วย  สิ่งแรกที่เห็นก็คือ บอทจะกำหนดสินค้าไว้เลยว่าจะเล่นตัวไหน สมมุติว่าบอทจะเล่นShort  UJ บอทจะเล่นทางเดียว และมันจะหาจังหวะเข้าS ได้   บอทจะเล่นAJมันก็Longอย่างเดียวในสินค้าตัวเดียวมันแค่หาจังหวะที่เหมาะสมที่จะเข้า
ผมจับมันได้ว่ามันจะจับกราฟรุ้ง "พี่มัดเล่เคยบอกว่ากราฟรุ้งจะแสดงให้เห็นถึงอารมณ์คนในตลาดได้ว่า ช่วงไหนคนจะโลภ ช่วงไหนคนจะกลัว"(สีแดงโลภ สีม่วงกลัว ตามลำดับสี) ทีนี้บอทก็"น่าจะ"เข้าตามนั้น เท่าที่เห็นก็คือ สมมุติAJ บอทกำหนดว่าจะเล่น Longอย่างเดียว มันจะรอให้ตลาดกลัวมากๆ ก็คือMaสีแดงจะลงเยอะๆ คนกลัวมากๆ มันก็จะทำการเข้าซื้อทันทีช่วงที่ตลาดคนกำลังกลัว  สำหรับบอทก็ถือว่าเป็นตำแหน่งเข้าที่ดีฮ๋าๆๆ
     ที่เห็นอีกอย่างก็คือ หลังจากที่ผมเฝ้าดูบอทเล่น- -"  เห็นได้ว่าอินดี้ช่วงเวลาปัจจุบัน มันไม่เหมือนกับอินดี้ช่วงอดีตที่ผ่านมา ก็คือช่วงที่เราจะตัดสินใจเข้าpositionตอนปัจจุบัน กับให้มันผ่านไปอีก 1-2ชม อินดี้มันจะแสดงภาพต่างกัน
ถ้าไม่แพ้ภัยตัวเองก็น่าจะผ่านไปได้ด้วยดีนะ อิอิอิ :)

12/30/2013
      ในส่วนของการปฎิบัติ การที่ผมเทรดตามโรบอทเพราะกองทุนเอาตัวโรบอทเป็น bench mark และจะวัดมาตราฐานการเทรดจากโรบอทนั้นเอง สิ่งแรกที่ผมคิดคือไม่อยากแพ้บอทแบบน่าเกลียดมากนัก และพยายามเรียนรู้ตัวเองจากการที่ต้องทำตามระบบ ในส่วนนี้ผมทำใจไว้ก่อนแล้วว่า หากเทรดตามบอทผลงานผมอาจจะไม่ดีเท่าคนที่มีskillสูง และผมก็ไม่ค่อยชอบอะไรที่ทำให้กดดันตัวเองมากนัก (ทั้งๆที่เราจะต้องเจอมันเสมอ55555+) แต่ผมก็ต้องพยายามทำให้มันรบกวนจิตใจผมให้น้อยที่สุด มาถึงจุดนี้ผ่านมาได้สัก1เดือน สำหรับการเทรดตามบอทสภาพจิตใจผมรู้สึกโอเคมากๆ เพราะผมไม่ต้องรับภาระเรื่องของการหาจุดเข้าจุดออก ผมแค่ทำตาม และบางครั้งมันอาจจะไม่ง่ายอย่างที่เราคิดไว้ ฮ่าๆๆๆ เพราะทั้งๆที่รู้ว่าระบบมันสวนเทรดแต่เราก็ต้องตาม....เป็นความรู้สึกที่ฝืนตัวเองเหมือนกัน ผมว่าเทรดเดอร์ทุกคนก็ต้องเจอแบบนี้  ผมยอมรับเหมือนกันว่าบางครั้งมันมีข้อเสียคือผมอาจจะตามpositionโรบอท ไม่ทันแต่บางทีเป็นเพราะผมไม่ทันดูซึ่งจะมีจุดเสียเปรียบตรงนี้ บางทีก็เป็นข้อดีที่ได้ราคาดีกว่าโรบอท และบางทีก็เป็นข้อเสียที่ได้ราคาแย่กว่าบอท แต่ถ้าเรารู้ว่าโรบอทสวนเทรดเราเข้าช้ากว่ามันนิดหน่อยอาจจะเป็นการดี แต่นี้ไงคือจุดเสียของคน ที่มักจะพยายามทำอะไรๆให้มันดีกว่า 555555+   ถ้าหากผมเทรดตามมันไปและศึกษาการเข้าpositionของมันไปได้ในระยะยาวนานกว่านี้  ผมคิดว่าไม่ว่าระบบไหนๆผมก็คงทำตามมันได้ทั้งนั้น.....อีกอย่างผมพูดกับตัวเองไว้แล้วว่า ขอ2พอร์ตนี้ไว้เทรดตามโรบอทบ้างดีกว่า ยังมีอีกหลายๆพอร์ตที่เราต้องใช้ระบบตัวเองอยู่แล้ว
       การฝึกแบบนี้ผมคิดว่าบทเรียนที่ได้ก็คือ ไม่ว่าจะยังไงขอให้เทรดตามและอยู่ในระบบก็พอ เรื่องกึ่น เซ้นส์ skill อื่นๆ ค่อยเอาไปลงกับพอร์ตอื่นที่วางความเสี่ยงไว้แล้ว  พอร์ตนี้แค่ทำตามวินัยเป็นพอ =')บางคนบอกทำตามMa ทำตามATR ทำตามMACD ไม่ว่าคำพูดเขาจะดูน่าเชื่อถือและสวยหรูแค่ไหน สุดท้ายแล้วผลงานจะเป็นตัวบอกเองว่าเขาทำตามที่พูดหรือเปล่า อิอิอิอิอิ

วันจันทร์ที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2556

In Training =D

     วันนี้ผมลองคิดNav ทั้งหมดทุกๆพอร์ตตั้งแต่ผมได้มีโอกาสเทรนในมัดเล่กรุ๊ปมา ตอนแรกก็กลัวมากๆๆว่าผลงานเราจะเป็นอย่างไรไม่กล้ามองNav ตัวเองมากๆแต่สุดท้ายก็ทำใจว่า เอาวะลองคิดNav ดู....ผลประกฎว่า Navเป็นบวกค๊าบ 555555+ จอร์จจจจจจ!!!  ดีใจฝุดๆๆๆ งงตัวเองสุดๆๆว่าทำไม Nav เป็นบวกได้ โชคดีมากๆๆอ่ะ >0< ตอนแรกคิดว่าถ้าบวกสัก 1$ผมก็ดีใจสุดๆแล้วแต่นี้ก็บวกเยอะเกินกว่าที่คิดไว้มากๆ (+604$)
      เอาหละสิ้นปีพอดีมาสรุปแนวคิดการเทรดของตัวเองบ้างดีกว่า
1. อันดับแรกก่อนที่ผมจะเทรดผมจะคิดเสมอว่าความเสี่ยงคืออะไร ผมจะป้องกันความเสี่ยงของตัวเองให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ฉะนั้นผลตอบแทนของผมเลยไม่ค่อยดีถ้าหากเทียบกับคนอื่นมากนัก อย่างเช่นหากผมมีกระสุน5นัด ผมจะวางโซนไปว่าหากผมติดทั้งหมด5นัดผมจะคุมโซนของราคาได้กว้างมากแค่ไหน แล้วโอกาสที่กราฟจะลงไปถึงจุดต่ำสุดของกระสุน5นัดมันมีโอกาสมากน้อยแค่ไหน
2.ระหว่างโซนผมจะไม่ให้กระสุนติดกันเกิน2-3นัด แรกๆผมอาจจะติดเยอะไปหน่อยแต่โชคดีมากๆที่ตลาดให้อภัย(ไม่บ่อยนักหรอก) ทำให้กระสุนผมหลุดออกมาได้ ตั้งแต่นั้นผมเลยเข็ดเลยไม่กล้าเทรด positionติดๆกันในโซนเดียวกัน
3.ผมคิดเสมอว่าเรามั่นใจว่าราคาจะไปทางไหน มันผิดพลาดได้เสมอ ผมจะพยายามฝึกเรื่องของskillให้มากๆๆ ผมคิดว่าskillที่ดีคือ หากราคาอยู่ในโซนๆนึงเราก็จะต้อง ดึงCFออกมาให้ได้ต่อเนื่องในกระสุนที่จำกัดในโซนนั้น ซึ่งผมยังทำไม่ค่อยได้ =-= 
4.ผมรู้สึกว่าโชคดีมากๆที่ตลาดไปในทิศทางที่ผมเทรด ถ้าตลาดตกผมคงเจ๊งแล้ว ผมไม่ได้เก่งอะไรมากมายเกินกว่าคนทั่วๆไปเลย
5.ผมจะพยายามคิดว่า กระสุน1นัดคือ เงินสด เราต้องใช้ให้คุ้มจริงๆ ตอนนี้ผมมี 25นัด ผมเทรดติด8นัด ผมคิดว่าตัวเองบริหารกระสุนได้ดีทีเดียว 5555555+ เพราะว่ามันยังไม่เกิน 50%ของกระสุนที่มีไง 

     อย่างน้อยก็รอดจากตลาดมาได้ อีกอย่างที่ผมกลัวก็คือผมยังไม่เคยเจอตลาดช่วงที่มันเป็นขาลงแรงๆผมยังไม่มีประสบการณ์อะไรเลยจากวิกฤตซึ่งถือว่าเป็นข้อเสียเปรียบของผมมากๆๆๆ ผมอยากเจอวิกฤตการเงินบ้างอยากอยู่ในสถาณการณ์นั้นบ้างผมอยากรู้ว่าผมจะเอาตัวรอดได้แค่ไหน หรือว่าไม่รอดเลย ฮ่าๆๆๆ ลุ้นๆๆๆ ><



วันพฤหัสบดีที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

วิเคราะห์S&P500 น่าซื้ออยู่มั้ยย ???


11/15/2013 วิเคราะห์S&P500 น่าซื้ออยู่มั้ยย ???
วิเคราะห์จากกราฟ

หากดูจากการตีกรอบแล้ว ราคาน่าจะยังอยู่ในขาขึ้นอยู่แต่ถ้าจะL ตอนนี้ก็ไม่คุ้ม รอให้ราคาลงมาโซนล่างก่อน Risk:Reward 1:3 น่าจะเป็นราคาคุ้มที่จะBet 
ดูจากATR ลงมาโซนต่ำแล้วแสดงว่าช่วงนี้ความผันผวนจะมีน้อยเทรดได้ระยะทางน้อยแต่กราฟไม่ค่อยผันผวน สามารถเทรดได้ตามเทคนิคอลได้อยู่ 

วิเคราะห์จากพื้นฐาน 
การวิเคราะห์เศรษฐกิจของผม ผมจะเอาหลักของ เรย์เดริโอแบบที่ผมเข้าใจ มาเป็นตัววิเคราะห์เศรษฐกิจว่าเราอยู่ในเทรนไหน หรือง่ายๆก็คือ เอาตัวเลขความสัมพันธ์ทางธรรมชาติของตลาดมาวิเคราะห์ รวมกับวงจรหนี้ระยะสั้น นั้นเองดังในรูป  ในที่นี้ผมจะวิเคราะห์แค่ประเทศเมกาUSA

จากรูปบนเราอ่านได้ว่า 1.หากเงินเฟ้อลดลง  จะเป็นผลดีต่อบอนด์ตลาดหุ้น 2.เศรษฐกิจดีขึ้นเป็นผลดีต่อตลาดหุ้น เป็นผลลบต่อบอนด์ ทำให้เงินเฟ้อลดลง(จริงๆภาพนี้เรย์เดริโอเอามาเปรียบเทียบว่าสินค้าหลากหลายมันมีความสัมพันธ์กันอยู่ หากลงทุนในทุกส่วนเท่าๆกันก็จะทำให้พอร์ตดึงเงินกระแสเงินสดออกมาได้ทุกสภาพอากาศของตลาดเศรษฐกิจ )

1.เริ่มดูจากเงินเฟ้อของUSA
จากภาพช่วงนี้อัตราเงินเฟ้อUSA อยู่ที่ 1.2 ลดลงมากๆๆทำให้ราคาของไม่น่าจะแพงเกินไปเอื้อต่อการเติบโตเศรษฐกิจสุดๆๆนับถือออ m-_-m
บอนด์หรือพันธบัตรรัฐบาล มีแนวโน้มที่ดีตั้งแต่ต้นมี 2013มาแล้วแสดงว่ารัฐบาลเริ่มเก็บภาษีของประชาชนได้มากขึ้นพ่วงไปถึงคนทำงานมีมากขึ้น คนตกงานน้อยลง แต่แนวโน้มใหญ่ก็อยู่ในขาลง แต่ก็ดีขึ้น
ตัวเลขGDPผมเอาตัวนี้มาวัดค่าของGrowth  จากภาพก็จะเห็นว่าGDPเพิ่มมากขึ้นๆตั้งแต่ปลายปี ซึ่งตอนนี้GDP อยู่ที่2.8ถือว่าโตขึ้นเรื่อยๆ เมกานิโหดจิงๆ
ภาพบนตลาดหุ้น USA แนวโน้มขาขึ้นชัดเจน
จากมุมมองภาพรวมตอนนี้ตลาดหุ้นUSA  เอาวงจรหนี้ระยะสั้นมาคิดก็น่าจะอยู่ในช่วง กลางวนจรแล้วเพราะว่าGDPยังดีอยู่ (2.8) การจ้างงานดีขึ้น ส่งออกดีขึ้นเศรษฐกิจยังขยายตัวต่อเรื่อย อัตตราดอกเบี้ยก็ยังน้อยอยู่ ธนาคารกลางไม่สามารถลดดอกเบี้ยได้มากกว่านี้แล้ว  กำลังเข้าสู่ระยะแรงของเศรษฐกิจถดถอย สัญญาณคือ ยอดส่งออกลดลง ภาคการผลิตลดลง GDPลดลง ระยะเวลาบ่งบอกสัญญาณไม่แน่ชัดว่าใช้เวลานานเท่าไหร่ แต่ระยะกลางวงจรจะดำเนินไปเรื่อยๆ 
ภาพสุดท้าย  PE  S&P500 ตอนนี้ยังอยู่ที่ 19.44  ถือว่ายังไม่น่าเป็นห่วงเท่าไหร่สำหรับขา Long ฮ่าๆๆๆ ตอนนี้ยังถือว่าถูกอยู่สำหรับผม ผมคิดว่าจะเริ่มน่ากลัวก็ต่อเมื่อPE 25-30 ถึงจะเริ่มเปลี่ยนมุมมองว่าS&P500 เริ่มแพงละ ^_^





วันเสาร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2556

แพ้ราบคาบบ

BOT_LV99: miss
BOT_LV99: good play
BOT_LV99: how to play
BOT_LV99: Taught me plz
Bencolumbus: Ok i will teach you
Bencolumbus: how long have you been playing
BOT_LV99: 1week ago
Bencolumbus: ok ..one trick is
BOT_LV99: *-*
Bencolumbus: 1..when a person move..ask yourself why did he move
Bencolumbus: there is always reason why a person move
BOT_LV99: ok
Bencolumbus: then always try to protect your king
BOT_LV99: ok
Bencolumbus: and look before you make a move
Bencolumbus: good game
BOT_LV99: ty to Taught me
BOT_LV99: =D
BOT_LV99: how long have you been playing
Bencolumbus: hmmm about 13 yrs now
BOT_LV99: *0*
Bencolumbus: keep playing it every day u will become good
Bencolumbus: and smarter
Bencolumbus: i dont wanna win u yet
BOT_LV99: ohh nice
BOT_LV99: “With love and patience, nothing is impossible.” Dr. Daisaku Ikeda
BOT_LV99: thanks you
Bencolumbus: Yeah i love that saying
BOT_LV99: hahaha ty


หลังจากที่ฝึกเล่นหมากรุกฝรั่งได้ไม่กี่วัน และก็เริ่มสนุกกับมันถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาในการเล่นมากก็ตาม บทสนทนาข้างบนมันเกิดขึ้นเมื่อผมเข้าไปเล่นหมากรุกแล้วเจอฝรั่งคนนึง ผมจำได้ว่าผมเดินผิดไป1ช่อง บวกกับผมพลาดที่ไม่ยอมกินควีน(ผมรีบเดินเกินไป)  จากความผิดพลาดผมแค่2ครั้ง ทำให้ผมแพ้แบบหมดรูป 555555+ ตั้งแต่เกิดมาเพิ่งเคยเจอ เล่นกินหมากผมซะหมดกระดานเลย  แท๊กติกของฝรั่งผู้เล่นเก่งจริงๆ ใช้แค่ควีนกับบีทชอฟ ผมก็ขอให้เขาสอนเล่นตามบทสนทนาด้านบนผมชื่อBOT_LV99  ( 5555555555555555+ )

วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2556

ความฝัน


" หลายๆคนมีความฝัน และหลายๆคนก็เลือกที่จะไม่มีความฝัน หลายคนเดินตามความฝัน หลายๆคนเดินตามสิ่งที่เป็นอยู่ ไม่ว่าคุณจะมีความฝันหรือเลือกที่จะไม่มี....ทุกคนก็ล้วนอาศัยอยู่ในโลกเดียวกันและทุกคนมีสิทธิ์เลือกที่จะมีความสุข ไม่มีความสุข มีฝันและไม่มีความฝัน "

ผมอาจเป็นผลผลิตของหนังสือขายดีตามร้านหนังสือ  ผมชอบอ่านหนังสือแนวจิตวิทยาความสำเร็จ หนังสือพวกนี้ทำให้ผมเปิดโลกอะไรต่างๆหลายๆอย่างได้มากมาย และหนังสือแนวนี้เป็นตัวจุดประกายสร้างเสียงภายในใจ อันเป็นพลังในการขับเคลื่อนชีวิต ของผมอย่างมากจริงๆ  หลายคนอาจจะมองว่าเป็นเรื่องไรสาระ  แต่ผมก็ไม่ได้ห้ามอะไรในความคิดแบบนั้น มันกลับทำให้ผมยิ่งเข้าใจอะไรหลายๆอย่าง ความหลากหลายของโลกใบนี้ และกฎแห่งการเลือกมากขึ้นเท่านั้นเอง

ความฝันของผมอาจไม่ใช่การที่มีบ้านหลังใหญ่ๆ รถหรูๆ เที่ยวรอบโลก หรือไปเที่ยวต่างประเทศทุกๆเดือน  ความฝันของผมคืองานที่ผมอยากจะทำและอยู่กับมันทุกๆวัน มันอาจจะดูจำเจแต่นั้นหละความสุขของผมฮ่าๆๆ จริงๆโลกนี้มันไม่มีอะไรเลย แค่ทุกคนได้ทำงานที่ตัวเองรัก แค่นี้ก็สมบูรณ์แบบสำหรับโลกใบนี้แล้วจริงๆ

ผมได้อยู่ในโลกของผมและผมได้อยู่กับงานที่ผมอยากตื่นเช้ามาทำทุกๆวัน ถึงผมจะมีเงินสิบล้านร้อยล้านผมก็ยังคงทำงานที่ผมรักอยู่ (หากผมยังไหวนะฮ่าาๆๆ)  และวันนี้ผมดีใจที่ผมเดินอยู่ในทางความฝันแล้วและก็มากขึ้น มากขึ้น มันเป็นอะไรที่วิเศษมากๆและบางครั้ง ทำให้ลืมการเล่นเกมที่ผมเคยคิดว่ามันสนุกไปเลย

ผมนึกอะไรหลายๆอย่างเกี่ยวกับการทำงานและการเรียนได้ว่า......
" การได้ทำงานที่ตัวเองรัก ก็เหมือนกับได้โดดเรียนทุกๆวัน 55555555 " เพราะผมเคยอยู่ในฟิลของการเรียนสิ่งที่ไม่ชอบ และผมว่าหากเดินเส้นนั้นก็คงไม่ต่างอะไรกับตอนเรียน ความสุขมันคงอยู่กับช่วงเวลาหลังเลิกงานหรือเลิกเรียน อิอิอิอิ



วันเสาร์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2556

สรุปวงจรหนี้ระยะยาว

สรุปวงจรหนี้ระยะยาวแบบที่ผมเข้าใจ

  เกริ่น วงจรหนี้ระยะยาวเท่าที่อ่านในหนังสือของเรย์เดริโอมาผมแถบจะไม่เข้าใจอะไรเลย เข้าใจแต่ว่าหนี้มากกว่ารายได้!! 5555+   ต้องขอบคุณท่านเรย์เดริโออีกครั้งที่ทำการ์ตูน^/\^ "How The Economic Machine Works "ทั้งเก่งทั้งแชร์ความรู้ .......ผมจะสรุปเท่าที่ผมเข้าใจดังนี้
ภาพรวมทั้งหมดราวๆ 75-100ปี
1.ต้องบอกก่อนว่าในวงจรหนี้ระยะยาวก็จะประกอบไปด้วย วงจรหนี้ระยะสั้นหลายๆรอบต่อๆกัน ซึ่งส่วนนี้เราจะได้ยินจากข่าวเศรษฐกิจทั่วๆไปรายวัน รายสัปดาห์ทั้วๆไป เช่นงบประมาณรัฐบาลขาดดุล!  ธนาคารกลางปรับลดดอกเบี้ย!  เศรษฐกิจภาคการส่งออกลดลง บลาๆๆๆ ข่าวพวกนี้คือวงจรหนี้ระยะสั้นหากเราติดตามมากไป ก็จะมองไม่เห็นภาพใหญ่ และไม่เข้าในเศรษฐกิจโดยรวมได้เลย

2.รอบแรกของวงจรหนี้ระยะยาว(ขาขึ้น)  ก็จะเกิดวงจรหนี้ระยะสั้นหลายๆรอบโดยแต่ระรอบก็จะมีลักษณะเหมือนๆกันคือ  ผู้ผลิตสินค้ามาขาย<คนซื้อจ่ายเงินซื้อสินค้า <ผู้ผลิตมีรายได้มากขึ้นกู้เงินเพิ่ม <ผู้ผลิตซื้อของแพงขึ้น <ขายของแพงขึ้น<รายได้มากขึ้น <กู้เงินเพิ่มขึ้น ทำให้ช่วงนี้คนรู้สึกวาตัวเองรวยก็จะกู้มากขึ้น ตราบใดที่รายได้ยังมากกว่าหนี้ที่กู้ มันก็ยังควบคุมได้อยู่  ก็จะวนๆไปแบบนี้ จนทำให้ของในตลาดทุกอย่างแพงขึ้นจนเกิดเป็นเงินเฟ้ออออ
ขายของได้มากขึ้น รายได้ก็มากขึ้น ราคาของก็แพงขึ้น! คนรู้สึกรวยขึ้น =D


3.เราเข้าใจกันดีอยู่แล้วว่าหากเงินเฟ้อมากๆ ธนาคารกลางก็จะออกมาปรับดอกเบี้ยให้มากขึ้นเพื่อให้คนกู้น้อยลง แล้วเศรษฐกิจก็จะกลับมาสมดุลอีกครั้ง แต่จุดเปลี่ยนก็คือ เมื่อรายได้ของคนๆนึง-เป็นรายจ่ายอีกคนนึงเสมอ และเมื่อคนๆนึงมีรายได้ที่ลดลงเขาก็จะจ่ายลดลงด้วย  จึงทำให้การขายของสินค้าลดลงเรื่อยๆ  คนที่กู้เงินเยอะๆก็จะเริ่มเอาทรัพย์สินมาขาย (บ้าน หุ้น ) แต่ไม่ใช่คนเดียวซิครับที่ได้รับผลกระทบ ผู้คนที่ได้รับผลกระทบจากการที่ต้องชำระหนี้ก็มีมากขึ้นคนก็เอาทรัพย์สินออกมาขายขึ้นเรื่อยๆและมากขึ้นๆ  ทำให้ราคาหุ้น-บ้าน ลดลงอย่างมากเพราะ คนต้องการขายทรัพย์สินมีเยอะกว่าคนที่จะรับซื้อ

4.เกิดสภาวะ Deleveracing คือ คนเริ่มรัดเข็มขัดลดรายจ่าย  เครดิตหายไปรายจ่ายหายไป ธนาคารถูกบีบ ภาวะสังคมตึงเครียดขึ้น  หากเป็นในช่วงวงจรหนี้ระยะสั้น ธนาคารกลางก็จะมาปรับลดดอกเบี้ย แต่นี้ปรับลดไม่ได้แล้วเพราะ ดอกเบี้ยเข้าใกล้ 0%  สิ่งที่ทำได้คือ 1.ลดรายจ่าย  2.เริ่มจ่ายหนี้คืนปรับโครงสร้าง 3.เก็บภาษีคนรวย  4.ธนาคารกลางพิมพ์เงิน

5.เมื่อไม่สามารถกู้หนี้ใหม่ ก็จะพอมีรายได้จ่ายหนี้เก่า หนี้ก็จะค่อยๆลดลง ธนาคารก็จะสามารถพิมพ์เงินเพื่อมาซื้อทรัพย์สินทางการเงินได้  เมื่อคนที่ขายทรัพย์สินมีเงินสดเขามาก็เข้าไปซื้อ บอนด์รัฐบาลก็มีรายได้เข้ามา เพื่อทำตามแผนกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลเช่น จ้างงานมากขึ้น ซื้อสินค้าและบริการอื่นๆ
เมื่อคนมีเงินมากขึ้น หนี้โดยรวมก็จะลดลงเรื่อยๆ   ช่วงนี้เป็นช่วงที่ละเอียดอ่อนมากๆต้องทำสมดุลให้ได้ระหว่าง การพิมพ์เงินกับการ ลดลายจ่าย เก็บภาษีเพิ่ม ช่วงนี้สังคมเริ่มมีการประท้วงตรึงเครียด รายได้น้อย และการเติมโตเศรษฐกิจช้า อื่นๆ



6.Deleveracing ที่สวยงาม ^___^  เมื่อหนี้ที่เพิ่มขึ้นทรัพย์สินที่มากขึ้นถูกปรับสมดุล มันก็จะกลับมาสู้โหมด ที่คนทำงานเพื่อใช้หนี้แม้ว่า Deleveracingจะเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากแต่มันก็สามารถดีได้หากจัดการที่ดี  "เมื่อหนี้ลดลงเมื่อเทียบกับรายได้ จากการเติบโตทางบวกทางเศรษฐกิจที่แท้จริง "หลังจาก Delevercing ผ่านพ้นไป ก็จะกลับมาที่รูปแบบเดิมคือจนเศรษฐกิจเริ่มเติบโตใหม่อาจต้องใช้เวลานาน
 ผู้ผลิตสินค้ามาขาย<คนซื้อจ่ายเงินซื้อสินค้า <ผู้ผลิตมีรายได้มากขึ้นกู้เงินเพิ่ม <ผู้ผลิตซื้อของแพงขึ้น <ขายของแพงขึ้น<รายได้มากขึ้น <กู้เงินเพิ่มขึ้น



7.หลายคนกังวลว่าธนาคารกลางพิมพ์เงินมากไปหรือเปล่าเงินท่วมโลกไหม??  จริงๆแล้วไม่เลยเพราะธนาคารกลางพิมพ์เงินจะอ้างอิงถึงภาระหนี้เพื่อให้มีเงินเข้ามาในระบบเครดิตก็จะเริ่มหายไป  ลองคิดดูหากทุกคน ทุกบริษัทสามารถ ชำระหนี้ได้ตามสัญญาหนี้โดยรวมที่มีก็จะค่อยๆลดลง ยกตัวอย่าง เป็นหนี้ 2%แต่รายได้ 3% สักวันต้องจ่ายหมด ^_^

สุดท้ายเป็นคำแนะนำเล็กๆน้อยๆจากท่านเรย์เดริโอ
1.อย่าเป็นหนี้มากกว่ารายได้  2.อย่าให้รายได้สูงกว่าการผลิต
3.ทำทุกอย่างเพื่อเพิ่มผลผลิตคุณ(โดยไม่กู้เงินมั้ง...)
เพราะระยะยาวคือสิ่งสำคัญที่สุด  Thank you RAY DALIO  ^/\^






วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

ผมเริ่มเรียนรู้อะไรบางอย่าง

ผมเริ่มเรียนรู้อะไรบางอย่าง…

"ผมชอบโลกใบนี้นะครับ โลกนี้มันไม่มีบอกว่าอะไรผิดอะไรถูก มันอยู่ที่เราทำและผลของเราว่าเราพอใจหรือไม่พอใจ ในโลกการเทรดไม่มีใครมาคอยบอกตลอดหรอกว่าแบบไหนถูกแบบไหนผิด หากผิดเราจะเรียนรู้เอง ผมชอบธรรมชาติของสมองคนเรานะครับ  เพราะยิ่งเราผิดพลาดมากขึ้นสมองมันก็จะคำนวนคิดอะไรที่ซับซ้อนมากขึ้น เพื่อให้เกิดภูมิคุ้มกันไม่ให้พลาดอีก….สุดยอดไปเลยว่าไหมครับ…"
สิ่งที่ผมจะเริ่มต้นจัดการใหม่กับพอร์ตสอบคือ กลับไปที่เริ่มต้น ผมตัดสินใจจะเทรด long gold โดยกำหนดจุดต่ำสุดไว้ ผมจะยกเลิกการ ล็อคขาดทุน และผมต้องทำใจให้ได้กับผลงานที่โดน vol%ของกองทุนแซง เพราะผมต้องเรียนรู้นิสัยของตลาดทองใหม่หมดและ ปรับโครงสร้าง position โดยไม่มีการลังเลอีกแล้ว ผมคิดว่าตัวเองน่าจะทำตามวินัยได้เพราะเคยทำสำเร็จจากพอร์ตฝึกหัดของกองทุนที่ให้ long ขาเดียวในindex
ผมว่าเสต็ปการเรียนรู้มันต้องเป็นแบบ ABC ทุกอย่างทุกวงการมันมีหลักการ มันอยู่ที่คนๆนั้นจะบอกว่าเป็นอย่างไร…ผมจะยังไม่เอาskill กึ๋นดึงกำไรแบบฉาบฉวยมาครอบครองได้อีกแล้ว เสต็ปแรกคือผมต้องเรียนรู้ตลาดให้มากพอก่อน จนถึงวันที่ผมเริ่มใช้skill เป็น…….

9/15/2013 สบสนแต่ก็ขอลุย


" สบสนแต่ก็ขอลุย " รู้สึกว่าคนเรานิคิดมากจังเลย ฮ่าๆๆ ผมนั่งดูposition ดูกราฟ ดูคนอื่นๆ สุดท้ายก็กลับดูอารมณ์ตัวเอง ทำให้ผมรู้สึกหลายอย่างมากๆกับพอร์ตสอบนี้ มีความสับสนที่ผมจับเป็นตัวอักษรออกมาได้ คือ ผมไม่แน่ใจว่าผมคิดถูกหรือเปล่าที่จะทำตามกฎที่วางไว้คือ long 5 position  หรือว่าจะลองเทรดแบบใช้กึ๋นมี sl ใช้skill 
ตอนนี้ผมเห็นซิกแนลบางอย่างของกราฟทองซึ่งทำให้ผมมั่นใจว่า จะต้องลงไปถึง 1250ได้ ผมจึงอยาก short มากๆ แต่กระสุนผมหมด กระสุนผมติดอยู่กับ Gold 4นัด EU1นัด ผมจะทำอย่างไรดี กระสุนทองแน่นอนผม slไม่ได้แน่ๆเพราะแต่ละนัด -100$ up  หากผมจะเลือกใช้ กึ๋นผมจะต้อง ตัดขาดทุน euซึ่งติดลบอยู่ -9$  แต่ถ้าหากผมมีกระสุนแล้วเทรด short gold แล้วมันลงไปถึงเป้าผมจะได้ 50-60$เลยนะ มันดูเป็นผลตอบแทนที่สุดคุ้มจริงๆ  แต่หากมันลงไปไม่ถึงหละ ผมก็จะติด -9$ แล้วหา cash flowมาปิดไม่ได้ก็จะโดนหักกระสุนไป……
เอายังไงดี ผมตั้งกฎไว้ดีไหม ปิดบวก euให้ได้กระสุนคืนมาก่อน แล้วจึงไป short gold ดีกว่า แต่หากผมยังไม่สามารถปิดบวก eu ได้หละ แล้วทองลงไป 1250ก่อนละ ผมหมดโอกาสกินเต็มๆ 50$แน่ๆ  หากมันเป็นไปตามที่คิดก็อยากจะให้ปิดบวก eu ให้ได้ก่อนแล้วค่อยมา short gold  
แต่ถ้าทำได้ สถาณะพอร์ตจะเป็น long 2 short 3 ทันที ซึ่งมันจะตัดกับกฎที่ผมตั้งไว้ว่า long 5 เพื่อไม่ให้เป็นการ cl ทางposition มันทำให้พอร์ตเราไม่โต….อื่ม คิดไปถึงว่าทำไมเราถึงเข้า eu โดยที่ไม่บันทึกอารมณ์เลย….ย้อนกลับไปสถานการณ์นั้นเพิ่งจะปิดบวก long position gold ได้นิน่า แล้วโลภคิดว่าทองจะขึ้นไปต่อเลยเข้า euแทนเพราะคิดว่าทองขึ้น eurusdก็ต้องขึ้นตามเพราะ usd อ่อน…. นั้นไงเรามันโลภอยากได้ CFนิน่าาาถึงได้เข้าแบบไม่คิด แล้วทีนี้จะเอายังไงเนียยย
บอกแล้วไงครับว่า บทความนี้สับสน -* -  เอาไงดีนะ เอางี้หากผมสามารถปิด euบวกได้ ผมก็จะเข้า short gold เพื่อดึงกำไร เพื่อทำตามกึ๋นของตัวเองบอก 
ยังไงมันก็เป็น short3 long 2 ใน gold เลยนะ อืมมมม จะดีไหนเนียนะะ…..ที่ต้องคิดเยอะนิเพราะต้องเทรดแข่งกับ avgค่าเฉลี่ยของกองทุน เพื่ออันดับจะได้ขึ้นตอนนี้ ค่าเฉลี่ยกองทุนอยู่ที่ 19.69% แต่ผมมี 16.41%เองอีก4%ที่ต้องทำให้ได้ แต่มันจะเพิ่มอีกเรื่อยๆ ราคาจะทำให้เรามี CF ออกมาได้หรือเปล่านิซิ อาจจะโดนแซงไปไกลกว่า 4%ก็ได้ แต่ไม่ยอมหรอก คิดว่าหากเกิน 10% ถึงจะน่ากลัว
 สรุปตอนนี้  จะปิดบวก euให้ได้ก่อน แล้วรอให้ Gold ลงไปถึง 1250 แล้วค่อยทำตามแผนเดิม long 5 ยังไงก็จะใช้แผนนี้ long 5 คุมให้ถึงทองราคา 950$ แต่ปรับเปลี่ยนเล็กน้อยคือ หากติดครบ 4นัด นัดสุดท้ายผมจะมีการตั้ง sl ไว้หากมีCFเหลือพอที่จะCFได้  

9/17/2013 ที่สับสนเพราะ ….

ที่ต้องสับสนหนักเอาการก็เพราะเห็นกราฟแบบนี้ซิครับ ฮ่าาา
กราฟบนเป็นกราฟ eurusd ซึ่งผมlong ไว้อยู่แล้วราคามันเปิดgap ผมคิดว่ามันต้องลงไปปิดแน่ๆ ซึ่งแน่นอนหากผมรู้ผมจะต้องเสียโอกาสแน่ๆหากมันลงไปจริงๆ แทนที่ผมจะปิดขาดทุน 6$ แล้วมาเปิด short ที่ทองเพื่อเอา 50$ มันจะคุ้มหรือเปล่า ถ้าหากถูกทางมันจะคุ้มมากๆๆ

ภาพบนเป็นกราฟทอง  ผมเห็นมันเปิดgapที่ 1250 หากผมได้กระสุนทันที่จะ short ก็จะมาเข้าทอง ที่ผมกังวลจริงๆก็คือ vol%ของกองทุนที่สูงขึ้น 5555+ มันกดดันตัวผมเองมากๆ ที่ต้องทำให้ค่าเฉลีย ผลงานผมเพิ่มขึ้นเพราะตอนนี้ค่าเฉลียผมเริ่มห่างไกล และผมต้องพยายาม…..เข้าใกล้ค่าเฉลียแบบปลอดภัยและมีประสิทธิ์ภาพมากที่สุด 
อืมมม ยังไงๆก็กลับมาที่ลูบเดิมๆอีกแล้ว ผมลองถามกับตัวเองอีกครั้งดูว่า ทำไมผมถึงรู้สึกสับสนกังวลกับการเทรดพอร์ตสอบนี้…ผมเคยเป็นแบบนี้แล้วรอบนึงตอนแข่งBT ตอนนั้นที่ผมสับสนก็คือ ผมไม่รู้ว่าการป้องกันพอร์ตทำอย่างไรดีผมเลยกังวลอยู่พักนึง สุดท้ายผมเลยเลือกที่จะ control position ไม่ให้หนักพอร์ตเกินไป สุดท้ายผมก็แพ้พอร์ตน้ำมันเพราะskillการเทรดเขาเหนือกว่ามาก ผมป้องกันตัวเองจากตลาดได้แต่ป้องกันการโจนตีจากพอร์ตน้ำมันไม่ได้  
เอาเรื่องนี้มาคิดรวมกับBTสรุปสั้นๆง่ายๆคือ จุดเริ่มต้นผมยังไม่เคลียตัวเองนั้นเองว่า ภาพใหญ่ผมจะ control ผลงานเป็นแบบไหน หรือโครงสร้าง position เป็นแบบไหน เน้นskill หรือเน้นเรียนรู้ตลาด หรือศึกษานิสัยสินค้ายังไง ฉะนั้นผมคิดว่าหากผมเคลียเรื่องจุดเริ่มต้นตอนนี้ได้และยอมรับผลด้านจิตใจต่างๆได้ ผมจะต้องดีขึ้นแน่ๆ หากจุดเริ่มต้นถูกต้องสบายใจ…ก้าวต่อๆไปมันจะเริ่มมั่นคงและก้าวหน้า…..
เอาหละกลับไปดูจุดเริ่มต้นใหม่ : ตอนแรกผมคิดว่าจะรักษากระสุนให้อยู่ครบ5นัดให้ได้ในระยะยาวดึงCFออกมาซื้อหุ้นภาพใหญ่มองว่า ทองยังมีมูลค่าคงลงไม่ถึง 1200 (สุดท้ายทะลุไปเรียบร้อยฮ่าๆ) ผมจึงเริ่มเทรด long position อย่างเดียว….หลังจากนั้นไม่นานผมเริ่มอยากเอาskillกึ๋นเข้ามาด้วยนั้นคือจุดเปลี่ยน….
จุดเปลี่ยน เริ่มต้นผ่านมา1-2เดือน ผมเห็นพี่ๆแต่ละคนเก็บ vol% ได้เยอะมากๆๆ ผมเลยเปลี่ยนแผนจากเดิมผมเริ่มเข้าshort เพื่อหวังcf มากขึ้น สุดท้ายผมก็ทำได้ ได้ถึง 2เดือนติดกัน นั้นหละคือความหอมหวานของกำไรฉาบฉวยที่ผมได้รับ….แล้วเดือนต่อมาCF ผมแถบจะหยุดนิ่งทันที ผมเริ่มเรียนรู้อะไรบางอย่าง….

วันเสาร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2556

Babysit Canceled

" เป้าหมายพวกเรามันไกลกว่านั้น...การรักษาพลังงานของพวกน้อง และ 
พลังงานของตัวพี่ไว้เป็นเรื่องจำเป็นมาก"-บอสมัดเล่

ทุกครั้งที่ผมมีความสุขสุดๆ หรือเศร้าสุดๆผมจะมาระบายลงในนี้ ผมชอบ keepอารมณ์ตัวเองไว้ อิอิอิ อีกทั้งเป็นการฝึกจิตวิทยาของตัวเองด้วย....แต่เป้าหมายลึกๆส่วนตัวก็จะเก็บไว้อีกที่นึง 

เข้าเรื่อง  ช่วงหลังจากเดือนตุลาคม56 หรือตั้งแต่นี้เป็นต้นไป มีข่าวดีของกองทุน....ซึ่่งจะต้องทำให้เราจริงจังขึ้นอีกระดับนึงทั้งตัวผมและพี่ๆในกองทุนเราอาจต้องลดเรื่องไร้สาระบางอย่างเพื่อเก็บพลังงานหรือจิตใจที่ดีที่มีประโยชน์แก่เป้าหมายหลักๆของพวกเรา และผมก็พร้อมที่จะรับสถานการณ์แบบนั้น การตอบคำถามต่างๆของบอสมัดเล่ การ Babysitจะลดน้อยลง ^^

ความรู้สึกตอนนี้ ผมรู้สึกมีความสุขลึกๆอยู่ในใจ....ที่ผมได้มาถึงจุดนี้แม้มันจะเล็กๆก็ตาม จริงๆผมชอบคำว่าเฮดจ์ฟันด์มาตั้งแต่อ่านคำนี้ ครั้งแรกเลยจริงๆ ชอบเพราะอะไรหลายๆอย่างที่เป็นเฮดจ์ฟันด์ ชอบที่เฮดจ์ฟันด์จะมีเทคนิคการลงทุนไม่เหมือนกับกองทุนรวมทั่วๆไป ชอบที่เขาเป็นพวกเขาเป็นปฏิบัตินิยม ชอบที่เขามีรูปแบบหลากหลายในการลงทุนฉีกข้อจำกัดเดิมๆ  ความคิดของพวกเข้านั้นไม่ธรรมดาจริงๆ ชอบที่่เขามีงานวิจัยต่างๆเกี่ยวกับสังคม ปรัชญา คณิตศาสตร์ หรือประสบการณ์ต่างๆที่น่าสนใจเอามากๆ และความคิดพวกเขาสามารถ move สังคมๆนึงได้เลยจริงๆ เสมือนพวกเขาเป็นกลุ่มหัวหอกของงานวิจัยต่างๆที่วิทยาศาสตร์ สังคมศาสตร์ เศรษฐศาสตร์ ยังไม่ยอมรับ แต่พวกเขาสามารถนำไปใช้ได้จริงและเป็นกลุ่มต้นๆที่จะเพิ่มหลักสูตรการเรียนในอนาคตได้....สุดท้ายชอบที่เขารับเงินเฉพาะกลุ่มคนรวยผู้มีอุดมการณ์ร่วมกันมองเห็นนักลงทุนเป็นครอบครัวเลยทีเดียว อิอิ (อาจจะเป็นเรื่องไร้สาระแต่ก็เป็นความชอบส่วนตัว555+) และลองจินตนาการณ์ดูซิ คุณได้ทำงานและเรียนรู้ในกองทุนเฮดจ์ฟันด์นั้น มันจะสุดยอดของชีวิตแค่ไหน...และผมก็อยู่ในภาพนั้น =D


วันศุกร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2556

งานวิจัย

ผมมีงานวิจัยด้วยนะ จริงๆก็เรียกให้มันดูหรูๆเองหละครับว่างานวิจัย แต่จริงๆมันมันก็แค่การทดลอง เอาอะไรๆมาติดๆต่อๆแล้วเก็บผล... งานแรกก็คือ เรื่องโมเดล.....เทรดเดอร์หลายๆคนมีโมเดลเป็นของตัวเองกันหมด ผมก็อยากทำโมเดลเองบ้างแบบเท่ๆ 

ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าโมเดลการเทรดหรือเปล่า มันจะดีและใช้ได้หรือเปล่า คำถามเหล่านี้ยังไม่ผ่านการตอบอะไร อยู่ในช่วงเก็บข้อมูลและทดลอง และมันต้องใช้เวลานานด้วยซิ.....จำกัดความคำว่าโมเดล  
ที่ผมเข้าใจก็คือจุดตัดสินใจซื้อขาย นั้นเอง 

แรกเริ่ม 
โมเดลผมจะจำลองเหตุการณ์ต่างๆ 
สมุมติฐาน
1.ราคาสินค้าทำให้เราทราบ อารมณ์โลภ หรือกลัว
2.พอร์ตจำลอง long-short ทำให้เราทราบสภาวะ flow cash

เงื่อนไขการเข้า
long เมื่อ ความกลัวมากกว่าโลภ – หลังจากราคาลดลง ช่วงที่ cash sleep
 Short เมื่อ ความโลภมากกว่าความกลัว - หลังจากราคาสูงขึ้น ช่วงที่ cash sleep

ความหมายตัวแปรต่างๆ

ความกลัวคือ ราคาลดลง
 ความโลภคือ ราคาสูงขึ้น
Cash  in คือ port long ดึงกระแสเงินสดได้มาก 
Cash  out คือ port short ดึงกระแสเงินสดได้มาก
Cash sleep คือ ทั้ง port long+short ดึงกระแสเงินสดได้เฉลี่ยเท่าๆกัน

วีธีทำ

1.ผมจะสร้างพอร์ตจำลอง pure long ในสินค้า A
2.ผมจะสร้างพอร์ตจำลอง pure short ในสินค้า A
3.แล้วบันทึกกระแสเงินสดของทั้ง 2 พอร์ต
4.หากเข้าเงื่อนไขก็เข้า position ได้ 

บันทึกการทดลอง - ยังไม่ได้ทดลองครับคิดว่าต้องใช้เวลานานเหมือนกันครับ
ไว้ผมบันทึกเก็บข้อมูลตลาดแล้วแสดงผล และสังเกตุช่วงวัฎจักรตลาดแล้วจะมา สรุปเพิ่มดูว่ามมันพอจะใช้เป็นตัวตัดสินใจได้เปล่า แหะๆๆ




เป็นตัวอย่างการทดลองเล็กๆของผมครับ น่าจะเริ่มเห็นภาพแล้วซิ กลัว>โลภ.. Cash out ???  อิอิอิ

" เรื่องของการสร้างโมเดลของเราให้สอดคล้องกับ mental เราได้เนี่ย ถ้าน้องทำได้ก็เท่ากับน้อง
เตรียมตัวประสบความสำเร็จในวงการนี้ได้แน่นอนครับ ^ ^ "-บอส มัดเล่กล่าวไว้ 



ส่วนตัวผมมีรูปแบบโมเดลในดวงใจไว้อยู่แล้วเป็นรูปแบบที่ผมเทรดแล้วสบายใจสุดๆรูปแบบนั้นหากเรียกเท่ๆก็จะเรียกได้ว่าเป็น market model จริงๆก็ไม่อยากใช้คำว่าmarket modelหรอกครับ 
เพราะผมรู้แค่เบซิกๆ ของมันเฉยๆอาจจะรู้เกี่ยวกับโมเดลนี้แค่ 1%ก็ได้ อิอิอิ แต่ยังไงผมก็ชอบมันเพราะมันเสมือนเราจำลองพอร์ตเราเป็นตัวตลาดซะเอง.....เท่ไหมหละครับ ^__^






วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2556

test


" Return = cash + beta + alpha
การทำ true alpha เราต้องแยกพอร์ต cash flow กับ พอร์ตตัว ทำ alpha ออกจากกันนะครับ หากเรายังไม่เก่งการแยกจากกันจะทำให้เรารุ้ว่า เราควร balance พอร์ตแบบไหน 

เช่นถ้าเรา generate cash flow ไม่ทัน นั่นหมายความว่าพอร์ตเราต้อง มี cash เผื่อมากกว่าพอร์ตคนอื่นเป็นต้นครับ  -มัดเล่กรุ๊ป

   
  เห็นพี่ต้านโพสต์เกี่ยวกับพอร์ต true alpha แล้วต้องกลับมาดูพอร์ตทดลองของตัวเองอีกครั้ง
(กำลังฟาร์มเกมอยูเลยฮาๆ) >..<

เอาพอร์ตมาโชว์อีกแล้ว ตอนนี้บอกเลยว่าพอร์ตลบหนักมากๆ และมีผลกระทบต่อจิตใจพอสมควร ผมจึงเอาข้อมูลมาพล็อตเป็นกราฟ ดูภาพรวมอีกครั้ง.....เห็นแล้วตกใจมากๆเพราะ คิดว่าตอนนี้พอร์ตถึงจุดที่ Equity ต่ำสุดๆอีกรอบแล้ว 
แต่พอมาดูภาพรวมของพอร์ตทำให้ ดีใจสุดๆว่าส่วนของ Equity ลงไม่ถึงจุดต่ำสุดเก่าๆ (A-B) จากที่ผมสังเกตคือ จุด (A Equity -500) (B Equity -700) (C Equity -530) ผมจึงเห็นว่าพอร์ตนี้มันทดมือทนเท้าต่อตลาดดีจริงๆ ทั้งๆที่ตอนนี้สถานการณ์ position พอร์ตผมลบหนักมาก (-530) แต่พอร์ตยังแลดูสวยอยู่อิอิ หวังอย่างเดียวตลาดอย่าพึ่งวิ่งในระดับ 10,000จุด ก่อนก็พอ
ส่วนที่พี่ต้านบอกว่า


1."ถ้าเรา generate cash flow ไม่ทัน นั่นหมายความว่าพอร์ตเราต้อง มี cash เผื่อมากกว่าพอร์ตคนอื่นเป็นต้นครับ "  ดูจากพอร์ตเราคงเป็นช่วงแรกๆของพอร์ตตอนที่ Equity ติดลบมากๆกินเงินทุนผมไปเยอะจึงต้องมี cashเผื่อไว้เยอะ


2."เราต้องแยกพอร์ต cash flow กับ พอร์ตตัวทำ alpha ออกจากกัน "
....หากEquity ยืนบนเส้นสีดำเยอะเมื่อไหร่ ก็จะดึงเงินออก มาทำแบบเดิมเพื่อจะฝึก balance พอร์ตให้ง่ายๆ พอร์ตใหม่นี้น่าจะเรียกว่าพอร์ต alpha....จริงๆไม่คิดเลยว่าใกล้ถึง alphaไวขนาดนี้ แต่พอร์ตจำลองใช้เงินน้อยเลยถึงไวมั้ง...หากพอร์ตหลังล้านขึ้น คงใช้เวลา 20ปีเป็นอย่างน้อย อย่างที่ท่านเรย์บอก...อีกอย่างตลาดวิ่งแค่ 1000-3000จุดเลยทำให้พอร์ตปลอดภัย

ทั้งหมดเป็นการเอาข้อมูลมาเชือมโยงไปๆมาๆเอง =__=



+++++++++++++++++++++++++++++++

8/30/2013

เย้ๆๆ มีรายใหญ่กำลังมาสะสมAUDแล้ว....หลังจากที่เรารับภาระการติดลบค่าเงิน AUDมานาน หนักพอร์ตมากๆ
+(ตัวคอเร็กชั่นAUD ดันวิ่งน้อยป่วยหนักอีก)...เราจะได้ Cash-flowคืนจาก AUDไหมนะะะ...
หรือต้องรับภาระ อันยิ่งใหญ่นี้ต่อไป ลุ้นๆๆบรือออ.... ความผิดพลาดก็คือ มี positionถี่เกินไป...ด้วยความฮึกเฮิมจากการนำพอร์ตผ่านรอบวิกฤตของpositionมาได้ 2รอบ ฮ่าๆๆ
 
(การเอาข้อมูลpositionของพอร์ตมาโชว์เป็นสิ่งที่ไม่ดีเพราะอาจจะโดนเทพพระเจ้าทุบเอาpositionได้ แต่สัญญาว่าหากพอร์ตใหญ่มากกว่านี้....จะไม่เอามาโชว์เลย ='P )




9/1/2013  ผมเริ่มกลัวละซิ ผมไปอ่านไปเจอนี้มา 


อย่าลืมพวก Forex เนี่ย ทศนิยมมันเยอะด้วย นั่นคือวิธีที่ Dealing desk หากินกับเราโดยให้ Leverage สูงๆครับ ลองคำนวนดูง่ายๆว่า Euro/Jpy  จาก  170 มา 98 ว่ามันกี่ pips สายป่าน คนเทรดค่าเงินต้องหนามากๆจริงๆครับ เพราะเวลาเทรนมาเนี่ย หากสวนเทรนล่ะ เรียบร้อยเลย ^ ^

จากคุณ: MudleyGroup

รู้สึกเหมือนผมไหมครับ....ผมรู้สึกอ่อนน้อมต่อตลาดทันที...เสมือนลูกหนูยืนอยู่ต่อหน้าแมวยักษ์ทันที...ทำให้ผมคิดว่าหากได้กำไรจากพอร์ตนี้แล้วจะรีบเก็บไปลง ETFเลย T^T  ขออยู่ในตลาดนานๆก่อนแล้วกันนะครับ ค่าเงินไม่มีเพดาน 

1966-2011 หลอนเลย







วันพฤหัสบดีที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2556

Hedge Surprise !!!!

Wow!  รู้สึกดีใจสุดๆๆกับน้ำใจที่บอสให้ ตอนนี้ผมได้รับหน้าที่เพิ่มแล้วว ก็คือHedge position ของแผนกฮ่าๆๆๆ ดีใจสุดๆ เป็นของตอบแทนที่บอสให้ที่เหนือคาดมากๆ จริงๆแค่ได้รวมเทรดกับทีมงานก็รู้สึกเป็นเกียรติของชีวิตแล้ว รู้สึกขอบคุณมากๆ และจะทำหน้าที่ Hedge ให้ดีที่สุด  performanceให้ดีที่สุด และจะพัฒนาตัวเองอีกเรื่อยๆ แล้วความรู้เรื่องการ Hedge ระดับเฮดจ์ฟันด์ที่ได้เรียนรู้มันเป็นความรู้ใหม่จริงๆ
ที่ไม่เคยรู้มากก่อน และยังต้องแอบฝึกเองให้คล่องๆอีกมากๆๆเพื่อจะทำให้ ผลงานออกมาดีที่สุดไม่พลาด  (การเฮดจ์แบบนี้มันอาจจะต้องดูจอตลอด อิอิอิตื่นเต้นจัง ^^ )

วันอังคารที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2556

สรุป วงจรหนี้ระยะสั้น

วงจรหนี้ระยะสั้นหรือเรียกได้ว่าธุรกิจถูกควบคุมโดยธนาคารกลาง ก็คือธนาคารกลางจะเป็นคนควบคุมไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวเร็วไป(ฤดูร้อน) หรือเศรษฐกิจถดถอย (ฤดูหนาว)

-  " รอบแรก "(ใช้เวลา 5-6ไตรมาส) จะเริ่มต้นด้วยการใช้จ่ายของประชาชน ความต้องการรถยนต์ ที่อยู่อาศัย ยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก การจ้างงานมากขึ้น สินเชื่อเติบโตเร็วเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง(GDPเกิน 4%) อัตราเงินเฟ้อต่ำ การบริโภคแข็งแรง การสะสมสินค้าการคลังเพิ่มขึ้น
ช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะได้ผลตอบแทนที่ดีมาก (อัตราเงินเฟ้อไม่เพิ่้มขึ้น+อัตราดอกเบี้ยก็ไม่ขึ้น)

-  "กลางวงจร" (กินเวลาเฉลี่ย3-4ไตรมาส) การเติบโตทางเศรษฐกิจเริ่มช้าลง (GDP 2%) อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ

-  "รอบปลาย"(มักจะเริ่มประมาณครึ่งปีในการขยายตัวของเศรษฐกิจ)ช่วงนี้การเติบโตเศรษฐกิจยังดีอยู๋ (GDP 3.5-4%) การผลิตออกมาามาก ความต้องการบริโภคยังแข็งแกร่งอยู่ แต่อันตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอุปทานหรือความต้องการที่จะขายจะมีมากขึ้น ตลาดหุ้นปรับตัวลง ก่อนที่เศรษฐกิจจะเน่าตามมา

-  "ช่วงต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอย"  อัตราเงินเฟ้อที่สูงจะเริ่มลดลงเพราะการควบคุมของเฟด 

-  "ช่วงปลายของภาวะเศรษฐกิจถดถอย  " ธนาคารลดการดำเนินนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อลดลง อัตราดอกเบี้ยลดลงต่ำทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ราคาหุ้นที่สูงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัว แล้วก็จะเริ่มรอบแรกของวงจรใหม่ 


สรุป เอาให้เป็นภาษาตัวเองอีกที หากอ่านไม่รู้เรื่องไม่รู้ด้วยนะ ฮ่าาา....
      เศรษฐกิจทุกๆประเทศ ไม่ว่าจะ อเมกา ยุโรป เอเชีย หรือใดๆก็ตาม เราจะเปรียบให้มีทั้งหมด
3 ฤดู คือ ฤดูร้อน  ฤดูอบอุ่น ฤดูหนาว  ส่วนมากนักลงทุนวอลล์สตรีทชอบฤดูอบอุ่น ร้อนไปนักลงทุนก็กังวล หนาวไปก็กังวล ฮ๋าๆๆ

1. ฤดูร้อน ช่วงนี้เริ่มด้วยที่ภาคการบริโภคเริ่มมากขึ้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น ซื้อรถยต์ บ้านอาหาร จนภาคผลิตเริ่มผลิตมากขึ้นๆอัตราการจ้างงานมากขึ้น  อัตราว่างงานแถบไม่มีเพราะ บริษัทและโรงงานต่างๆก็รีบเร่งปัจจัยการผลิต (พนักงานสามารถต่อรองราคาเงินเดือนได้ช่วงนี้ ฮ่าๆๆ )  ส่งผลทำให้ของสินค้า บริการต่างๆ ก็ขึ้นราคาสูงขึ้นๆ ผู้ผลิตแฮปปี้เพราะได้กำไรงาม และอัตราเงินเฟ้อก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้นๆ

2. ฤดูอบอุ่น ช่วงนี้ดูได้จากอัตราเงินเฟ้อคงที่ การผลิต การบริโภคอยู่ในระดับสมดุน ซื้อง่ายขายคล่อง ผู้ผลิตต่างก็มีกำไรจากของที่ขึ้นราคา นักลงทุน แฮปปี้สุดๆช่วงนี้ แต่ก็ไม่นานสัญญาณของฤดูหนาวก็เริ่มมาก็คือ ปัจจัยการผลิตมากขึ้นมีของเต็มตลาดขายไม่ได้เพราะราคาแพง เงินเริ่มเฟ้อหนัก ทำให้กำลังผู้ซื้อไม่พอ ผู้ซื้อเริมไม่ต้องการ พูดง่ายๆก็คือ อุปทานมากกว่าอุปสงค์  ต้องการขายมากกว่าคนต้องการซื้อก็เริ่มเข้าสู่ต้นๆของฤดูหนาว

3. ฤดูหนาว หลังจากที่โรงงาน-บริษัทเริ่มขายของไม่ออก ก็เริ่มลดราคาสินค้าบริการลง ลดแล้วลดอีกคนซื้อก็ยังไม่ซื้อ จนผู้ประกอบการที่แข็งขันกันก่อนๆหน้านี้เริ่มแย่งกันลดราคาของลง  555+ ผู้ประกอบการต่างๆก็ต้องลดต้นทุนการผลิตลง ด้วยการปลดพนักงานลง ลดการจ่ายเงินเดือนลงเพื่อให้บริษัทอยู่รอด เพราะ ต้นทุนการผลิตแพงและขายของไม่ออก ช่วงนี้ธุรกิจไหนไม่แข็งแรงก็ล้มไปตามๆกัน คนเริ่มหันมาออมเงินมากกว่าลงทุน ฤดูนี้จะกินเวลานานกว่าฤดูอื่นๆ ฤดูนี้หมดไปเมื่อผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ่นก็ กลับไปอ่านข้อ1ใหม่ ฮ่าๆๆ