วันอังคารที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

เพิ่มถังพลังงาน


เพิ่มถังพลังงาน

หลังจากที่ผมได้รับรู้ถึงรูปแบบการฝึก ครั้งต่อไป ผมก็คิดว่าทำยังไงให้พลังงานเรามีที่เก็บมากขึ้น (ทีละนิดๆก็ยังดี) โดยกิจกรรมต่างๆ ผมจะบันทึกไว้เป็นตารางๆ จะได้รู้ว่าช่วงเดือนนี้ ผมเอาพลังงานที่เหลือไปพัฒนาอะไรบ้างไปโฟกัสส่วนไหนบ้างง กิจวัตรที่ทำทุกวันก็คือ เดินออกไปซื้อกับข้าว ระยะทางไปกลับ 3กิโล ใช่ครับ3กิโล 555555+

เดือนนี้จะเห็นว่า การเล่นหมากรุกของผมจะน้อยลงเพราะผมเอาพลังงานไปลงกับ การอ่านหนังสือมากขึ้น ทำให้มีสมาธิอ่านได้ยาวนานและต่อเนื่อง ส่วนกิจกรรมเกมเป็นเกมเต้น(Touch online) ที่ต้องใช้สายตาแล้วก็นิ้วมือ การพัฒนาทักษะเกมเต้นทำให้ผมใช้สมองและการตอบสนองได้ดีขึ้น และช่วยทำให้ผ่อนคลายทางด้านจิตใจมากขึ้น(เกรียนในเกม)ฮ่าๆ

 แต่อนาคตจะต้องลดส่วนเกมนี้ออกไปบ้าง เพราะทักษะเริ่มเก่งมากขึ้นแล้ว ก็คือระดับ 6ดาว สามารถเล่นได้ 70-80%แล้วแต่ก็ยังกากอยู่ฮ่าๆๆๆ55 ต้องฝึกๆๆ

ส่วนเวลาที่เหลือตอนนี้ ส่วนใหญ่จะใช้เทรด และผมก็บันทึกทำกราฟเก็บข้อมูลในตลาดเป็นโมเดลเล็กๆด้วย เพิ่มมุมมองการ mix สินค้า ส่วนนี้ได้ดึงพลังงานผมมากพอสมควรในการทำอาทิตย์แรกๆ(2สินค้า)  แต่ตอนนี้ผมสามารถคุม 6 mix สินค้าได้แบบไม่เพลียแล้ว เพราะทำมันเป็นกิจวัตรไปแล้ว


เพิ่มขีดความสามารถ 
หลังจากที่บอสบอกว่าในการสอนรูปแบบต่อไป ห้องเรียนจะไม่ให้มีการบันทึกอะไรทั้งนั้น ให้จำเนื้อหาวิธีการเอาเองใครจำได้แค่ไหนก็เอาไปใช้แค่นั้น เพราะเนื้อหามันไม่สามารถเผยแพร่ได้ ผมจึงต้องเตรียมตัวก่อนล่วงหน้าไม่งั้น ตายแน่ๆสมองบวม 55+

ผมจึงต้องเริ่มฝึกที่จะใช้สมองจดจำเนื้อหาบ้างแล้ว เริ่มจากการเข้าประชุมโดยการไม่จดอะไรสักตัวลงในสมุด แล้วค่อยกลับมาจดบันทึกทั้งหมดหลังประชุมแทน 5555+ เป็นกิจกรรมที่ผมคิดว่าเสี่ยงมากสำหรับผม หากผมจำข้อมูลมาได้ไม่หมดเนื้อหาก็จะไม่ครบที่จะใช้เป็นพื้นฐานต่อไป..ผมเป็นคนชอบจดลายละเอียดมากๆ

ครั้งแรกที่ผมทำจำได้เลยว่าหัวบวมมากๆ เป็นข้อมูลระดับจำอย่างเดียว2 ชั่วโมง ผมสามารถเอามาบันทึกได้แค่ เนื้อหา1ส่วนเท่านั้น ทำให้รู้เลยว่าพลังงานที่เราสะสมๆมาจากการเล่นหมากรุก 1000กว่ากระดาน นั้นเอาพลังงานมาใช้จริงได้แค่ส่วนเดียว
ต้องใช้เวลาฝึกฝนอีกหลายๆปี กว่าฐานพลังงานมันจะเพิ่มขึ้น

ครั้งที่2 ผมก็ทำรูปแบบเดิมคือ เป็นข้อมูลระดับ2ชั่วโมง เอาสมุดเข้าห้องประชุมแล้วไม่จดเลย จำข้อมูลเนื้อหาทั้งหมด แล้วเอาออกมาจดใส่สมุดทีหลัง รอบนี้ผมสามารถทำได้ดีมากๆ ผมพอใจกับเนื้อหาที่ตัวเองสรุปสุดๆ

ครั้งที่ 3 ก็ทำรูปแบบเดิม แต่ครั้งนี้คือ เป็นการจำเนื้อหาที่อัดแน่ทั้งนั้นระดับ 3.30 ชั่วโมง เป็นเนื้อหาจำเพาะหัวข้อ ระหว่างที่ผมใช้สมองจำเนื้อหา ในใจก็คิดเสมอว่า ซวยละ จะจำหมดไหมนี้ เนื้อหาล้วนๆ เยอะด้วย ถ้าลืมส่วนไหนไปนิยุ่งเลย 5555

สุดท้ายด้วยพื่นที่สมองอันจำกัดของผม ก็กลั่นกรองเนือหาออกมาได้ส่วนนึง ซึ่งต้องยอมรับว่าจำได้ไม่หมดแน่ 100% แต่การเอาข้อมูลมาบันทึกกินเวลาผมไป 3 ชั่วโมง 4หน้ากระดาษ แต่ไม่รู้สึกว่าสมองเหนื่อล้าเท่าไร  เพราะผมยังกลับมาเล่นหมากรุกชนะได้ 3:1กระดานแพ้แบบกลยุทธ์สุ้ไม่ได้ ถ้าแพ้แบบประมาท แสดงว่าสมองล้า....
  อ่อการบันทึกทั้งหมดผมใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเขียนเป็นสรุปนะครับ 5555+





สิ่งที่ค้นพบใหม่ คือการอ่านหนังสือสามก๊ก ผมเพิ่งจะเคยอ่านเล่มแรกเลย เรื่องวิถีอำนาจสุมาอี้ บอกได้เลยว่าสามก๊กมันเป็นหนังสือสอนกลยุทธ์ที่ดีมากๆ เป็นพื้นฐานรากฐานทั้งหมด ของกลยุทธ์เลยก็ว่าได้....ตามความคิดผมนะครับเพราะสามก๊ก สอนระบบคิด ระบบคิดกลยุทธ์ที่เป้นพื้นฐานการวางแผน  นักกลุยทธ์คนควรจะต้องอ่านเรื่องนี้ ไม่ใช่อ่านแล้วจำธรรมดานะครับ
อ่านแล้วต้องคิดวิเคราะห์ แม่ทัพทุกคนใช้ตำราพิชัยสงคราม กุนซือทุกคนใช้พิชัยสงคราม เหมือนๆกัน แต่ผลมันออกมาต่างกัน

จากการอ่านหนังสือสามก๊กเล่มเล็กๆ ที่ผมได้เห็นคือ มุมมองการทำสงครามระหว่างทหาร-ทหาร แม่ทัพ-แม่ทัพ  กุนซือ-กุนซือ ซึ่งรูปแบบพื้นฐานแนวคิดการรบมันต่างกันมากๆ ขงเบงมอง สุมาอี้ยังไง เอาตำราอะไรเป็นฐานวัดว่าสุมาอี้จะทำอะไร ขงเบงไม่ได้เดาข้อมูลเอาแบบมั่วๆนะครับแต่เป็นการมองแบบเอามุมมองของเขา กลยุทธ์เขามาเปรียบเทียบกัน การรบระดับกุนซือนิสุดยอดจริงๆ หากเราอ่านแล้วเอาตำราพิชัยสงครามมาจับ จะทำให้เห็นรูปแบบกลยุทธ์ที่มากขึ้น

บอกได้เลยว่าความรู้ผมที่มีตอนนี้ ต่อเรื่องสามก๊กนั้น เท่าหางอึ่งนะครับ ซึ่งมันน้อยนิดมากๆ ผมกำลังหาอ่านแบบจริงจัง การเอาตำราอะไรมาใช้มันขึ้นอยู่กับตัวเราเองทั้งสิ้น

 "หนังสือเล่มเดียวกัน แต่คนอ่านแล้วได้ผลลัพธ์ที่ต่างกันเพราะอะไร...เพราะจุดประสงค์ในการอ่านครั้งแรกยังไง จุดประสงค์ต่างกัน ผลลัพธ์ก็ต่างกัน " อิอิ




ตัวจุดพลังงานของผม 

บอสเคยสอนว่าแต่ละคนจะมีตัวจุดไฟในตัวไม่เหมือนกัน บางคนใช้เงิน บางคนใช้งาน บางคนอยากช่วยเหลือคนอื่น
 ซึ่งแต่ละอย่างมันมีข้อดีข้อเสียแตกต่างกัน

ผมรู้ตัวว่าตัวจุดไฟของผม คือการทำงาน เพราะผมคิดว่าผมอยากเป็นส่วนหนึงในบ.นี้ เพราะสิ่งที่เขาทำนั้นยิ่งใหญ่มาก
 เขาสามารถmoveคนได้ เขาช่วยเหลือสังคม เขาสามารถเปลี่ยนอะไรหลายๆอย่างถึงแม้จะยังไม่ใหญ่โตแต่ก็มากพอที่จะเปลี่ยนได้ ละถ้าหากเราช่วยให้บ.เราดีให้ได้ บ.เราติดระดับโลก ไม่ใช่แค่ บ.จะได้ประโยชน์อย่างเดียว

 คนในบ.ก็จะเติบโตขึ้นไปด้วย ผมได้เห็นการเติบโตของบ.นี้ จากการปฎิบัติจริงๆของceo และการให้เกียติคนในองกรโดยการให้อิสระในการเลือกสิ่งต่างๆที่เหมาะสมกับตัวเอง จึงทำให้ผมอยากสนับสนุนคนๆนี้ ผมจึงตั้งใจทำงานเท่าที่ความสามารถผมจะพัฒนาได้

 แม้ผมจะเป็นเฟืองตัวเล็กๆในองกรแต่ผมก็หวังอยากจะช่วยสนับสนุน บ.ให้เติบโตยิ่งใหญ่ไปให้ได้ แม้สิ่งที่ผมทำมันดูเล็กน้อยในสายตาคนอื่นๆแต่มันยิ่งใหญ่สำหรับโลกเล็กๆของผมแล้ว ผมคิดว่าคนเราพัฒนาได้ เรียนรู้ได้ ผมพร้อมที่จะพัฒนาตัวเองและสนับสนุน ceo ที่มีคุณธรรมและสร้างสรรค์สิ่งดีๆ หากถึงแม้ผมผมทำไม่สำเร็จแต่ก็คุ้มสุดๆที่ได้ทำแล้ว ^0^ ซึ่งผมก็ยังไม่ทราบว่าข้อเสียของคนประเภทนี้คืออะไร



วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2557

อัพเดท all weather ไม่ง่ายอย่างที่คิด *-*

7/9/2014

ขอแก้ตัวในความคิดที่ว่า 20 bet product ของเรย์เดริโอ เป็นเรื่องง่าย 555555+
หลังจากที่ได้รู้ความจริงบางอย่าง เกี่ยวกับความคิดที่ว่าจะหา 20 bet product.....

เมื่อก่อนที่ผมเข้าใจก็คือ เราหาเจอสินค้าใด ก็จะเป็นสินค้านั้นๆตลอดเลย แต่ความจริงนั้นไม่เลย
เพราะตลาดมันทำให้ราคาสินค้าบางช่วง มันขัดแย้งกันมันกลับไปเป็นทางเดียวกันหากเราฝืนเทรดสินค้านั้นๆต่อก็เสมือนลง lot เทรดซ้ำๆในโซนเดียวกัน แนวคิด All Weather มันยากกว่าที่ผมคิด  
มันไม่ใช่หาสินค้าครบ16-20ตัวแล้วจบ.....

ต้องขอบคุณบอส ที่ชี้แนะในเรื่องนี้ ทำให้เห็นว่ามันไม่ง่ายๆอย่างที่คิดเลย
เราต้องคอยหาสินค้าใหม่ๆตลอดเวลาเพราะตลาดมันไม่แน่นอน ไม่สมบูรณ์


มันทำให้ผมเรียนรู้ว่าสิ่งที่เราคิดว่าเข้าใจแล้ว จริงๆเราอาจยังไม่เข้าใจเลยก็ได้มันทำให้ผมต้องคอยระวังตัวเองมากขึ้นว่าอย่าไปคิดว่าตัวเองรู้แล้วไปหมดทุกเรื่อง จริงๆเราควรทำตัวเป็นดังตัวรับสัญญาณ แล้วค่อยเอาสิง่ที่ดีมาปรับใช้กับเราอีกที ความเข้าใจของคนเรามันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ อันไหนไม่ถูกต้องก็อยู่ส่วนที่ไม่ถูกต้อง คนเราผิดพลาดได้ ฮ่าๆๆๆ


สิ่งที่เราจะเข้าใจได้จริงๆคือสิ่งที่เราทำแล้วผลมันออกมาเป็นแบบนั้น แต่มันก็ไม่ได้รับรองว่าผลมันจะเป็นแบบนี้ตลอดไป -3-

หาสินค้าใหม่เรื่อยๆ แค่คิดก็สนุกแล้ว 5555+




วันอาทิตย์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2557

จำลองการเป็นผู้สร้าง

หลังจากที่ได้แนวคิด 20 bet product ของท่านเรย์แล้ว ก็ได้ยินมาว่าการจะหาสินค้าที่มีความสัมพันธ์กัน 20ตัว นั้นเป็นเรื่องที่ยากมากๆแต่ถ้าหาได้ก็เป็น pot of gold !! จริงๆ ผมก็ไม่สามารถเข้าถึงสิ่งที่ท่านเรย์บอกได้ แต่สิ่งที่ผมคิดในหัวซึ่งมันอาจจะไม่ตรงกับข้อมูลวิชาการ อะไรสักอย่างเลยก็ได้ ว่าเราสามารถเอาสินค้าต่างๆไม่ว่าจะฝั่ง long -short มาผสมรวมกันเป็น 1 product ของเราเอง ถ้าคิดแบบนี้แล้วลองใส่จินตนาการณ์ดูซิว่าสินค้าที่เราได้ออกมา มันจะมากมายแค่ไหน 20bet productของเรย์ อาจเป็นเรื่องธรรมดาๆไปเลยก็ได้

 สำหรับผมการเอาสินค้ามา มัดรวมกันเป็น1ดัชนี มันเป็นนวัตกรรมที่ใหม่มากๆสำหรับผม และผมคิดว่ามีคนเริ่มคิดไว้นานแล้ว ไอ้การที่เราจะเข้าไปจดลิขสิทธิ์มันก็คงยาก พูดง่ายๆก็คือเราเป็นผู้สร้างนวัตกรรมไม่ทัน เราก็คงต้องยอมให้ผู้ที่ทำก่อนได้ผลประโยชน์สูงสุดไป แต่ก้ไม่เป็นไรเราก็สามารถหาผลประโยชน์จาก การที่มีสินค้ารวมกันได้ ถึงแม้จะได้ผลประโยชน์น้อยกว่าผู้สร้างหน่อยก็ตาม จริงๆผมคิดว่าเหล่าฟันด์เมเนเจอร์เขาก็ทำพวกนี้(รวมสินค้าเป็นดัชนี)ไว้ในกองทุนตัวเองอยู่แล้วไม่ได้แปลกใหม่อะไรเลย 555555+

ผมก็เลยอยากจะลองสร้างไอ้สิ่งนั้นจำลองขึ้นมาเองบ้าง ว่ามันเริ่มจากทำอะไรก่อน ตอนแรกผมเริ่มจากการที่คิดว่าผมเป็นโบรก แล้วออกสินค้าตัวนี้ให้นักลงทุน ผมก็สร้าง ดัชนีขึ้นมา 1ตัว และจด Nav ของposition นั้นไว้ทุกๆ 1ชม แล้วเอามาใส่เป็นกราฟดู สิ่งแรกที่ต้องคิดไว้คือ หากโบรกเราจะทำดัชนี โบรกเราต้องมีเงินก้อนนึ่งไว้ซื้อสินค้าตัวนั้น ผมก็เลยเซทไว้ที่ $ 100000 แล้วก็เอาposition ฝั่งไว้ในสินค้าที่ผมต้องการ ในภาพเป็น A01


พอได้ดัชนี สักพักผมก็จำลองสถาณะการณ์ว่า มีนักลงทุนมาเทรดสินค้านี้ ผมก็ทำบัญชีไว้ว่านักลงทุนซื้อที่ราคานี้นะ จดๆ แล้วก็ให้สินค้าตัวนี้รันไปซักพัก ค่อยๆดูว่ากิจกรรมอะไรจะเกิดขึ้นมาบ้าง

สิ่งที่สองสำหรับแนวคิดการเป็นโบรกจำลองของผม ก็คือ ผมคิดว่าการที่มีนักลงทุนมาเทรดสินค้ากับเรา รายได้ของโบรกเราจะมีอยู่2ทาง คือค่าคอมมิชั่น กับค่าเฮดจ์position ของนักลงทุน


หลังจากทำสินค้า a01 ได้สักพักก็เกิดความฮึกเฮืม ว่าทำไมไม่ลองอีกตัวหละ 555+ ผมก็เลยลองจัดอีก1ตัวเพื่อนความสะใจของตัวเอง -*- ความรู้ ที่ได้จากการจำลองเป็นโบรกเล็กๆของผมก็คือ ผมคิดว่าโบรกจะต้องมีเงินทุนมากกว่านักลงทุน 4-5เท่า โบรกจำเป็นต้องมีแผนกเดรก(เฮดจ์position )
โบรกได้กำไรจากค่าคอม+ได้กำไรจากการเฮดจ์positionของนักลงทุน  โบรกต้องมีกลยุทธิ์ที่สามารถทำกำไรได้จากการเป็นเดรก ผมจึงคิดว่าโบรกจะต้องมี3กลยุทธิ์คือ 1.ตามpositionนักลงทุน 2.สวนpositionของนักลงทุน 3.ขึ้นอยู่กับเดรกตัดสินใจ ว่าจะตาม สวน หรือไม่เทรด  โบรกต้องมีpositionมากกว่านักลงทุน 1:3 ใน1position

know how ที่ได้ก็คือ ทำให้รู้ว่า โมเดลตาม คือโมเดลที่เราได้กำไรเสมอ ไม่ว่า นักลงทุนจะขาดทุนหรือได้กำไร แต่เราจะได้น้อยมากได้แค่ค่าคอม โมเดลสวน เป็นโมเดลที่ได้กำไรจากการที่นักลงทุนเทรดผิดทางแล้วคัทลอส เราจะได้กำไรจากส่วนนี้มากๆ กำไร3ทาง (ค่าคอม+ค่านักลงทุนต้องจ่าย+ค่าเฮดจ์) แต่ถ้านักลงทุนได้กำไรเราก็ขาดทุนเช่นกัน จากที่มองโบรกอาจอยากให้นักลงทุนผิดทางได้ แต่ถ้าหากเราอยากเป็นโบรกที่ยั่งยืนเราต้องหาวิธียังไงก็ได้ให้นักลงทุนได้กำไรแบ่งยั่งยืนพร้อมไปกับเรา และมีaction เยอะๆ ซึ่งผมคิดว่ามันไม่น่ายาก แต่จะยากตรงที่ ความโลภ+ความกลัวของแต่ละคนไม่เท่ากันนี้ซิ เลยทำให้นักลงทุนทำตามต้นแบบโมเดลที่เราอาจจะวางไว้ให้เขาตั้งแต่แรก ไม่ได้ จากที่ลองทำโบรกเล็กๆดูทำให้รู้อีกอย่างนึงว่า การที่เทรดเดอร์ไม่ คัทลอส และถือpositionยาวๆ มันทำให้โบรกเราเสี่ยง 5555+ เพราะอย่าลืมว่าถ้าเทรดเดอร์ไม่ปิดออเดอ์ เราก็ไม่ได้cashflow

เช่นกัน ฉะนั้นถ้าโบรกไม่มี cashflow พอที่จะจ่ายค่าธุรกรรม ค่าน้ำไฟ พนักงานต่างๆ โบรกก็อาจจะเน่าได้  ธุรกิจโบรกมันมีอะไรที่ผมต้องศึกษาอีกเยอะเลย การจำลองโมเดลเล็กๆก็ทำให้ผมค่อยๆใส่อะไรเพิ่มเติมเล็กๆน้อยๆได้เช่นกัน
หน้าบ้าน


หลังบ้าน เฮดจ์position55+
สิ่งที่ผมจำลองไว้เป็นกระดาษทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น สร้างสินค้าเอง เงินทุนของโบรก กำไร/ขาดทุนแผนกเดรก กำไร/ขาดทุนpositionนักลงทุน และสิ่งนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันจะมีประโยชน์อะไรไหม หรือมีผลเสียกระทบอะไรไหม แต่แน่นอนมันจะมีอิมแพก กับคนที่เข้าใจภาษาเดียวกันกับผมได้ 5555+


อัปเทต 27/6/2014  ราคากราฟของทั้ง2สินค้า







อิอิอิอิ

วิธีหาผลประโยชน์จากสินค้าใหม่ๆที่ผมคิดคือ เราแทบจะไม่ต้องสนใจตัวมูลค่าของมันเลยก็ได้เราแค่สนใจความผันผวนของมันอย่างเดียวก็พอ คิดง่ายๆคือ ปรับต้นทุนสินค้า ที่มีทั้งหมด คิดเหมือนหลักการพนันเลยก็ได้ เอาเงินใส่ๆไป หวังแค่ความผันผวนของมันดึงกระแสเงินสดให้เราอย่างเดียว  ก็เกินพอแล้ว ขออย่างเดียวคือ ดัชนีมันไม่เจ๊งเหลือ0ไปซะก่อน 5555+
 สำหรับแนวคิดการจัดพอร์ตแบบใหม่ที่อาจจะเกิดขึ้น





วันอาทิตย์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2557

วันอังคารที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2557

เดือนแห่งการพักผ่อน+Asset Swing

เดือนแห่งการพักผ่อน หลังจากเดือนเมษายน 57 เป็นช่วงเวลาที่พักผ่อนจากงานจัดแข่งลีค ทำให้เทรดเดอร์ในแคมป์ส่วนใหญ่หาเวลาพักผ่อนกันเต็มที่ แต่พอร์ตต่างๆของแคมป์ ก็ยังต้องเทรดต่อไป สำหรับผม ผมก็พักผ่อนเต็มที่เหมือนกันโดยการทำกิจกรรมที่ผมชอบ 5555+ อันนี้เป็นตัวอย่างของการจัดตารางบันทึกกิจกรรม ในแต่ละวันของผม แล้วมันสามารถมาดูในแต่ละเดือนได้ว่าเราใช้เวลาไปฝึกอะไรเท่าไหร่ และสามารถมารีวิวตัวเองได้หลังจบเดือนๆนั้นไป



หลังจากนั้นผมได้ใช้เวลาศึกษาและทำความเข้าใจเกี่ยวกับเรื่องของ Asset Swing ที่บอสผมเคยเอามาจุดประกายไว้ในเพจ ซึ่งตอนนั้นผมรู้สึกว่าผมไม่เข้าใจสิ่งที่บอสเอาให้ดู มากๆ และผมก็ไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนยังไง

1.โจทย์แรกที่ผมคิดคือ จะทดลองยังไงดีนะ เงินทุนเราไม่มีและก็พอร์ตก็ไม่มี มีแต่พอร์ตเงินปลอม 
2.ทำยังไงนะให้Assetมัน swingไปๆมาๆ

จากนั้นผมก็ได้ไปศึกษาตามคำที่บอสแนะนำไว้ในคอมเม้น และบทความผมบอกได้เลยว่าผมอ่านซ้ำไปซ้ำมาหลายรอบมากๆ  และผมก็ค่อยๆเอาบทความนั้นกับรูปภาพ มาประกอบต่อๆกัน แล้วก็ลองผิดลองถูกทดลองไปเรื่อยๆ ทำไว้ในกระดาษ  สิ่งแรกที่ผมคิดคือ ทำยังไงก็ได้ให้กราฟ positionของเราสวิงไปมา ผมลองพยายามหลายอย่างมากแต่กราฟมันก็ไม่สามารถสวิงกันไปมาได้ จนในหัวผมเริ่มคิดได้ว่า สงสัยเราต้อง cut loss positionเพื่อให้ กราฟมันกลับมาเข้าที่0 และผมก็ลองทำในกระดาษ วิธีที่ผมทำคือตลกมากๆ คือผมเอาราคาย้อนหลังสินค้ามาจดเป็นราคา  555+ แล้วทำในเอกเซล (ผมไม่ได้เทรดจริงนะ) เอาราคาสูงสุด-ต่ำสุดมา แล้วจดกำไรขาดทุนในกระดาษเอาเอง 5555
นี้คือรูปที่ผมทำในกระดาษ มันต้องใช้เทคนิคในการจำลองสถาณการณ์ ขึ้นลงของราคานิดนึง ว่า ถ้าตลาดขึ้นเรากำไรเราจะบันทึกยังไง ตลาดลงแล้วเราตัดขาดทุนเราจะบันทึกยังไง ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการทำแลปมากๆก็คือ การจดบันทึก เราควรเริ่มจากการชอบที่จะบันทึกก่อนฮ่าๆๆ บันทึกพอร์ต บันทึกnav บันทึกposition เก็บข้อมูล balance ,equilty ด้วยตัวเอง แต่เดียวนี้โบรคบางที่มีซัพพอตพวกนี้หมดแล้ว เขาบันทึกให้เราเอง แหะๆๆ
รูปแบบการบันทึก การจำลองสถาณการณ์ของตลาด ในแลปทดลอง ฮ๋าๆๆ มันดูเด็กน้อยมากๆ 

ขั้นตอนการทำเป็นลำดับๆของผลงาน 






รูปแรกที่ผมได้ลองทำมันเป็นแบบนี้ 5555+ ไม่ได้ใกล้เคียงกับของบอสผมเลย กราฟมันเหมือนพอร์ตธรรมดามากกก ----มาผิดทาง


รูปสอง โหหหหลังจากทำเสร็จรู้สึกตื่นเต้นเอามากๆๆ ใกล้เคียงความจริงแล้ว แต่....มันก็ไม่เหมือนของบอสเลยย-----ผิดทางง



รูปสาม ลองเอาcutloss มาใช้กับพอร์ต แล้ว.....โหหยยยยใช่เลยภาพออกมาเหมือนที่บอสทำเลย โหหยยตื่นเต้นทำสำเร็จแล้วในการทดลองเล็กๆของเรา เยสสสส555555+ (ดีใจ)

สำหรับผมการได้ลองทำตามเลียนแบบมันเป็นสิ่งที่ผมคิดว่ามันสำคัญต่อผมมาก ผมเรียนรู้จากการเลียนแบบ และการจำลองสถาณการณ์ต่างๆของคนที่ผมชื่นชม เอามาเป็นของตัวเอง (เสมือนวิธีเอาใจเขามาใส่ใจเรา) พยายามเข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ทำไม ทำไมเขานิสัยแบบนี้ เขาเคยผ่านอะไรมาบ้าง วิธีนี้ทำให้ผมเรียนรู้ธรรมขาติได้อย่างมากและทำให้ตัวอีโก้ ยึดติดของผมลดลงไป


สำหรับวิธี Asset Swingผมคิดว่ามันเป็นความรู้ใหม่สำหรับผมมากๆ หรือบางทีผมอาจจะยังไม่เข้าใจมันลึกซึ่ง แต่เท่าที่สัมผัสได้ก็คือวิธีการนี้มันดีมากๆๆลองคิดดูถ้าเราทำแบบนี้กับหลายๆสินค้าหละมันจะเป็นยังไง เอาหลายๆสินค้ามารวมๆกันเป็น1ดัชนี มันจะเป็นยังไง  เอาชอตน้ำมัน+ลองอียู รวมกันเป็น1สินค้า แล้วเราเทรรดมันแบบAsset Swingมันจะเป็นยังไง ???

 ผมรู้สึกว่าวิสัยทัศน์Asset Swing มันเทพเทียบเคียงพอๆกันกับปรับต้นทุนเลยก็ว่าได้ สองวิชานี้ความเทพมันใกล้เคียงกันมาก มันเป็นแค่ความรู้สึกผมเฉยๆนะครับ 55555+ ลองเอาวิธีการเทรดแบบ Asset swing เป็นเสมือนการสเกาหละ ตั้งบัพเฟอไว้แล้วก็เทรดมันไปเรื่อยๆ ??  ผมยังต้องลองทำและศึกษาในเชิงลึกและ ลองทำในตลาดจริงอีกหลายปีเลบ กว่าจะเข้าใจสิ่งนี้อย่างลึกซึ้ง  แต่ผมเชื่อความรู้สึกตัวเองเสมอ  ว่ามันสุดยอดจริงๆถึงแม้ผมจะยังไม่รู้จักมันดีพอ  ระหว่างนี้ผมได้ค่อยๆลองทำกับพอร์ตเดโม่ดู เก็บไว้บ้างง และหวังว่ามันจะเป็นแบบที่ผมคิดไว้ อิอิอิอิ  ต้องลองๆ

วันศุกร์ที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2557

Emotions and trading กองทุนมาโวริช หุหุ

เนื่องจากวันนี้ว่างมากๆ  เลยมานั่งสรุปบทเรียนเรื่อง อารมณ์ของเทรดเดอร์ ที่บอสมาสรุปให้ฟัง จากวีดีโอของ กองทุนมาโวริช แคปปิตอล(ไม่พิมพ์ชื่อกองทุนเป็นภาษาอังกฤษเพราะเดียวหาบล็อคผมเจอในgoogle-*-)ผมจะมาสรุปเป็นภาษาของตัวเองอีกที อาจจะไม่เหมือนต้นฉบับที่บอสสรุปให้เพราะผมจดจำมาได้ไม่หมด =_=

สรุป
ต้องบอกว่าคนที่จะฟังวีดีโอการสอนของเขาต้องมีพื้นฐานการเทรดที่ดีก่อนเพราะมีศัพท์เฉพาะเยอะมาก อาจทำให้สับสนได้ และเขาเป็นมืออาชีพทางด้านการเทรดจริงๆ แต่ผลการแข่งขันเทรดหุ้นที่อเมริกา บอสผมได้อันดับผลการแข่งสูงกว่าเทรดเดอร์มาโวริชอีกนะครับ55555+ มาอ่านสรุปดีกว่า

1. The best way to eliminate (Greed &Fear) is to have a plan. “Stick to the plan ” น้องจะเก่งแค่ไหนน้องต้องมีแผนเสมอน้องต้องมีการวางแผนเทรดที่ชัดเจน อารมณ์ต่างๆก็จะหายไปเราต้องตัดอารมณ์ออกไปจากการเทรด สิ่งที่อันตรายสำหรับเทรดเดอร์คือ บางคนคิดว่าตัวเองมีแผนแต่จริงๆแล้วไม่มีแผนอันนี้อันตรายมาก  เช่นน้องกำหนดจุดออกที่ราคานี้ไว้ น้องก็บอกว่าจะขอลุ้นอีกหน่อยน่า ให้ราคาขึ้นไปอีกนิดหนึ่งนา นี้แสดงว่าน้องเอาอารมณ์เข้ามาแล้ว กองทุนมาโวริชถือว่าทำแบบนี้ไม่มีแผน  

2. “Biggest loss come from biggest gain” ยิ่งน้องเทรดชนะมากแค่ไหน ก็ต้องระวังความผิดพลาดมากขึ้น ทางมาโวริชจะถือว่ายิ่งเทรดชนะมาก ก็ยิ่งต้องระวังความเสี่ยงมาก ยิ่งชนะบ่อยๆน้องต้องป้องกันตัวเองมากขึ้นต้องระวังอีโก้ต้องลดpositionลง เราจะไม่รู้ตัวเองเลยถ้าเราชนะเรื่อยๆเราจะคิดว่าเราเก่งที่สุดเราคือพระเจ้า 555+   อารมณ์แบบนี้มันจะตามน้องไปตลอดการเทรดไม่ว่าน้องจะโปร เทรดมานานแค่ไหน อามรณ์นี้มันจะเกิดขึ้นเรื่อยๆทุกครั้ง เราต้องระวัง

3. “Reactive trader”เป็นเทรดเดอร์ที่พยายามเทรดตลอดเวลา มีpositionในตลาดตลอดเวลา มันไม่แปลกที่เทรดเดอร์จะอยากเทรดหุ้นตลอดเวลาเพราะเหตุผลต่างๆและข้อมูลต่างๆมันทำให้อยากเทรด  เช่น น้องเห็นว่าบริษัทน้ำมันดีมากๆพื้นฐานดีมากๆ น้องก็อยากๆจะซื้ออารมณ์มันสามารถบิดเบือนตลาดได้  

4. Play Poker All in “All the time”แล้วเทรดเดอร์ที่โชว์พอร์ตว่ากำไรเร็ว กำไรได้มาไว ผลตอบแทนสูงๆพวกฟอเร็ทกำไรทุกวันง่ายๆๆ  กองทุนมาโวริชจะถือว่าพวกนี้ไม่เก่งจริง เป็นพวกเล่นโป๊กเกอร์All-in ตลอดเวลา พวกนี้ระยะยาวแล้ว มาโวริชบอกว่าเจ๊งแน่ๆผลตอบแทน = 0 เท่ากับศูนย์ทั้งนั้นในระยะยาว ถ้าน้องรักที่จะเทรดแบบนี้น้องต้องมีตุ่มฝังเงิน...พอได้เงินมาก็ฝังไว้เลยเก็บไว้เลย ไม่เอามาเล่น นักพนันที่ดีเขาก็มีวิธีการจัดการเงินของเขา...ในทีวีหรือรายการต่างๆที่ฉายให้เห็นว่านักโป๊กเกอร์เขาเล่นเสี่ยงๆ หนักๆ บัพหลอกเก่งๆ จริงๆมันแค่ภาพประกอบ จริงๆเขาเล่นแบบป้องกันมากๆพวกนี้เขารู้และเข้าใจหลักการบริหารเงินมาอย่างดีแล้ว  

5. Stop Loss> At least 1 ATR การเทรดมาโวริชบอกว่าถ้าจะตั้งstoploss ต้องตั้งอย่างน้อง 1ATR หรือมากกว่าvol ของตลาดตอนนั้นอย่างๆต่ำๆ   ถ้าตั้งSl ไม่ถึง 1ART โดนตลาดกินหมดถ้าหาbufferไม่ถึง 1ATR จะโดนตลาดกินหมด พี่ต้านบอกเห็นไหมพี่ไม่ได้สอนATRแบบคิดขึ้นมาเอง พี่อ้างอิงจากสากลเหมือนกัน ที่ให้น้องดูvol ฝั่งเขาก็สนใจและเข้าใจจุดนี้ หุหุหุ


6. No metter how much{we research} 3-4bad/ 3-5ok/ 1-2breat ไม่ว่าน้องจะเทรดเทพและเก่งขนาดไหนเก่งสุดๆ มาโวริชเชื่อว่าใน 10 order จะมี3-4 ออเดอร์ที่แย่เสมอ น้องจะมีโอกาส loess 3-4 ครั้ง ต้องมีที่พลาด  มาโวริชบอกว่าโดยเฉลียแล้ว  3-4 ออเดอร์ที่แย่  3-5ออเดอร์ที่พอใช้ได้  1-2 ออเดอร์ที่ดีสุดๆ  ไม่ว่าน้องจะไปซื้อหุ้นวิเคราะห์หุ้นดีแทบตาย หรือคำนวนเครื่องมือดีแค่ไหน เดาว่าผลประกอบการดีหรืออะไรก็ตาม น้องจะต้องมีโอกาสสักครั้งที่เราผิด ถ้าน้องทำใจไว้อย่างนี้ว่าน้องมีโอกาสผิดพลาดได้ น้องจะไม่อารมณ์เสีย บางที่ตรรกะเราดีแค่ไหนมันก็ผิดปกติได้ คนเก่งๆในตลาดเขาจะกล้ายอมรับความผิดพลาด ถ้าคนที่ถูกตลอดไม่เก่งจริง ถ้าโปรจริงจะกล้าบอกว่าตัวเองพลาดตรงไหนบ้าง  น้องต้องมีผิดบ้างปกติ 

7.Greed=desive  Money=Emotion มันอาจไม่ใช่เรื่องเงิน ความโลภมันคือ ปรารถนาอยากจะชนะ การอยากเอาคืนจากหุ้นตัวนี้ อยากแก้แค้น มันก็คือโลภเหมือนกัน น้องต้องดีไซให้อยู่ในแผน น้องเล่นหุ้นน้องอยากชนะตลอดหรือน้องอยากจะเก่งแบบโซรอส แต่น้องskillยังไม่ถึงน้องก็ต้องแบ่งเงินมาเล่นก่อนสัก5-6% มันจะทำให้เราไม่หลุด ถ้าแพ้ก็แพ้ 5-6% อยากเก่งแบบโซรอสได้แต่ต้องจำกัดความเสียหาของเราเอง น้องต้องเข้าใจตัวเองลึกๆว่าความโลภน้องคืออะไรน้องต้องดึงมันออกมา   Money=Emotion ทำไมคาซิโนถึงไม่ใช้เงินสดUSD Money??  เพราะมันมีผลกระทบต่อจิตใจ กองทุนมาโวริชก็เหมือนกัน เวลาเทรดเขาใช้คำว่า point หรือ pips แทนเป็นตัวเงิน มันต้องมีอะไรบางอย่างที่ไม่ใช้คำว่าMoney เขาใช้เป็นpoint เขาไม่มอง p/l แล้วเขามองที่ pointแทน เพราะเขาเห็นตัวเลข Pointแล้วเขารู้สึกเฉยๆไม่รู้สึกกลัวเสียเงินหรือโลภ แต่กองทุนในวอสตรีฟบอกว่า มาโวริชเป็นพวกอ่อนแอมองเป็นเงิน$ไม่ได้ฮ่าๆๆแซวๆ
 น้องต้องรู้ว่าตัวน้องทนเห็นP/l ได้แค่ไหน เห็นแล้วน้องรู้สึกปกติไหมหรือกลัว น้องสามารถเทรดแล้วไม่ต้องดูจอไปอีก 1อาทิตย์ได้ไหม 1position size มีผลต่อการเทรดน้องไหม ถ้าน้องปรับsizeให้เข้ากับตัวเองได้น้องก็จะตัดอารมณ์โลภกลัวได้ เช่นถ้าน้องเทรดclose system มีbufferเยอะๆแล้ว น้องไปเทรดdax ทีนี้อารมรณ์กลัวก็จะน้องลงแล้ว

8*** Leaen how to be consistent ***  **Reward/Risk  น้องต้องสร้างระบบอะไรที่ดีก็อย่างและใช้มันอย่างเสม่ำเสมอ เสมอต้นเสมอปลาย เพราะมันทำให้เกิดความปกติมันจะเกิด “confident”
น้องรู้สึกสบายใจที่จะทำด้วยความสบายใจมันเกิด  “Focus”>In the zone ผลงานน้องจะดีมันจะเสม่ำเสมอ  Consistent>confident>focus>In the zone เราตั้งโมเดลไว้แล้วเราก็สบายน้องต้องมี close system 

9. Prepare for the worst best condition (9/10but 1> can’t ไม่ว่าน้องจะเทรดเก่งแค่ไหน in the zone น้องต้องมี prepare for the worst best condition น้องต้องทดสอบตลาดstrer test ทุกครั้ง ถ้าหุ้นลงเยอะๆน้องจะรู้สึกแย่ หรือเกรียนแค่ไหนก็ตามชนะมาตลอด 10:9 ครั้ง จะมี1ครั้งที่ซวยนั้นคือเรื่องปกติที่เกิดขึ้น

10. Can’t sit & watching พวก Reactive พวกนี้ Can’t sit & watching ฉะนั้นแล้วพวกนี้อยู่ดูเฉยๆไม่ได้มีกระสุนเหลือจะต้องยิงเสมอ ถ้าน้องอ่านหนังสือของเขา พอเข้าได้กำไรถึงเป้าหมายเขาก็จะหยุดเทรด ถ้าน้องชนะเรื่อยๆได้กำไรแล้วไม่หยุด จะเทรดอีก มันก็จะ>end of the day ถึงเป้าแล้วก็พอ เช่น น้องทำนอกระบบตัวเอง ราคาเกินโซนของน้องแล้วน้องไม่สามารถทนดูจอได้ น้องได้มา 5$ แล้วน้องอยากได้อีก ทีนี้ตลาดมันกลับลงมา ทำให้น้องติดลบ น้องเสียมากกว่า5$ที่หามาได้  ถ้าโปรจริงพอเขาได้ครบตามเป้าแล้วเขาจะหากิจกรรมอื่นๆทำ  ถ้าเขาคิดว่าไม่สามารถดูจอได้ บางคนเขาก็ไปเล่นเกม ออกกำลังกาย  ว่ายน้ำ อย่างพี่น้องๆก็จะเห็นบางวันพี่มาเล่นLol นั้นคือพี่ถือเป้าหมายแล้ว น้องจะเห็นพี่เข้ามาเล่นLOLโหดๆฮ่าๆๆ

11. Emotional Trap กองทุนมาโวริชบอกว่าโปรหรือไม่โปรเขาดูที่ตรงนี้  ดูที่ผลจอบแทนระยะ รายช.ม เป็นอย่างไร  รายวันเป็นอย่างไร รายอาทิตย์เป็นอย่างไร รายเดือนเป็นอย่างไร สุดท้ายแล้วมันต้องเป็นบวก ไม่ว่าบางวัน บางอาทิตย์น้องจะเป็นลบบ้าง แต่อย่าให้อารมณ์อยากเอาเงินคืนเข้ามาเช่น มีทุน100$ จันทร์110$ อัคาร์90$  พุธ 110$  พฤหัสบดี 80$  ศุกร์ 90$ มันจะทำให้น้องอารมณ์เสีย น้องต้องหากิจกรรมฟื้นฟูหจิตใจ ระยะยาวมันจะช่วยน้อง

12.เมื่อน้องมีpositionที่ติดอยู่แล้ว สวนทางตลาด น้องจะรู้สึกแย่มากๆ แล้วถ้าหาก  position ที่ติดนั้นกลับมาบวกน้องจะรู้สึก Better in the world 5555+  ถึงแม้ว่าไม่มีpositionของน้องอยู่ ตลาดมันก็เป็นแบบนี้ ถ้าน้องรู้สึกแย่ ความรู้สึกน้องจะสลับไปๆมาๆดีๆแย่ๆ จิตใจจะแย่ โค้ชต้องเข้าใจจิตใจน้อง น้องต้องอยู่กับตลาดได้มันอย่าให้อารมณ์มันมีเอฟฟกตลอด










13.Understanding your emotions, and the cycles of stress will help you on your journey to becoming a more proficient and educated trader.
น้องต้องเข้าใจวัฎจักรแรงกดดันของตัวเอง จุดไหนที่ตัวเองพีคน้องต้องรู้ ในการเทรดต้องรู้สึกไม่พอใจบ้าง วันนี้เจอปัญหาอะไรน้องต้องหาให้ได้ แม้เรื่องอื่นๆ  วัฎจักรที่มีต่อตัวเองช่วยให้น้องอยู่รอด ถ้าน้องหาตัวเองไม่ได้ว่าอะไรทำให้จิตใจน้องอารมณ์เสียระยะยาวแล้วน้องจะอ่อนแอเรื่อยๆ น้องต้องรู้tye น้องเป็นอย่างไร ต้องดูจิตใจอะไรที่ร่างกายเราทนไม่ไหว...
Aน้องต้องปรับตรงไหน อะไรที่ทำให้น้องรู้สึกไม่ใช่ตัวน้อง เช่น over leverage.  try to catch every move.
น้องคิดว่าเทรดเดอร์โปรๆต้องเก็บได้ทุกwareต้องหาจังหวะเทรดๆได้ทุกวัน
  Watch to much.  Try to reactive. น้องต้องหาเวลาทำกิจกรรมอืนบ้าง อ่านหนังสือ เล่นเกม เล่นกีฬากิจกรรมที่มีประโยชน์ เทรดเดอร์ที่เทียวหนัก ดื่มหนัก มีผลระยะยาวร่างกายจะไม่ไหว

B.The cycle of stress น้องต้องแยกก่อนว่ามีอะไรบ้าง เหมือน ทุกข์ สมุทัย นิโรจ มรรค  น้องต้องรู้อะไรเป็นตัวกระตุ้นความเครียดของน้อง เช่นของพี่ก็คือความไว้วางใจ ถ้าพี่เจอเหตุการณ์ที่พี่โดนทำร้ายความไว้วางใจแล้วพี่จะเศร้ามากเช่น อย่างที่รองเท้าพี่หายพี่โทษแพนด้าก่อน พี่นึกว่าแพนด้าเอาไป พี่ให้อาหารทุกวัน แพนด้าทำกับพี่ได้  พี่ก็ต้องคิดอีกแง่นึงว่า อ่อแพนด้าสงสัยอยากอยู่กับพี่ใกล้ๆมั้งมันเลยเอารองเท้าพี่ไป แต่พอมารู้ทีหลังมีแก๊งหมาอีกแก๊งที่เอารองเท้าพี่ไปซ่อนไม่ใช่แพนด้า  ถ้าน้องรู้ว่าตัวเองอะไรที่กระตุ้นอารมณ์น้องเสียได้ง่าย น้องจะได้ค่อยๆปรับนั้นคือหลักการ *นักลงทุนส่วนใหญ่มีกรอบกันเยอะแต่ละคนมีความเชื่อไม่เหมือนกันบางคนคิดว่าเทคนิคคอลดี บางคนคิดว่าviดี  จะมีความเชื่อบางอย่างที่น้องรู้สึกรับไม่ได้น้องต้องรู้ว่าน้องรับได้แค่ไหน   เช่นพี่รู้สึกว่าการเทรดหุ้นแบบดูดวงมันไม่ใช่ นั่งเทียนเอา ดูลูกแก้ว ลึกๆแล้วไม่ได้ พี่ก็ไศึกษามันใช้ money management กับมันก็มีถูกบ้างหละผิดๆถูกๆก็ได้   ถ้าไม่ใช่เรื่องที่น้องถนัดแล้วน้องอย่าไปโจนตีคนอื่นผู้ชายใน1เดือนก็จะมีอารมณ์หลุดเหมือนผู้หญิงเหมือนกัน ให้น้องลองสังเกตุดูมันจะมีสักครั้งที่น้องรู้สึกหงุดหงิดช่วงนึง เราต้องเข้าใจและรับมือมันเหมือนกัน

Feelings/Emotions -How you  respond to the stressor through yout fillersเราต้องรู้ว่าเราตัดสินใจยังไงน้องต้องรู้ตรงนี้ถ้าไม่รู้ก็จบเลย

Fhysiological Reactions  -how your body resonates your emotions. เช่นโซรอสจะเปลี่ยนทางpositionเมื่อปวดหลัง positionพี่ถือหนักพี่จะป่วยร่างกายจะรับรู้ความเครียดได้เวลาน้องเครียดมากน้องอาจจะป่วยได้เลย 80-90% และสำคัณร่างกายผิดปกติไหม เช่นถ้าพี่เริ่มป่วยพี่จะลดpositionลงครึ่งหนึ่ง วันรุ่งขึ้นพี่หายป่วยเลย ชีวิตปกติว่าน้องเครียดไปเพราะ เครียดเพราะposition  บางทีพี่อยากให้ผลงานมันดีเพราะที่ผ่านมาพี่ทำผลตอบแทนดีมาตลอดถ้าloseนักลงทุนขาาดทุนเราทำดีมาตลอด พอถึงจุดนึงพี่เลยต้องตั้งกองทุนใหม่ทรูแอลฟ่า ดึงทุนให้หมดหลังจากนั้นทะยอยเปลี่ยนไปเรื่อยๆไม่ให้เครียดผลของ ผลตอบแทนดีตลอดทำให้เครียด 

Well Being-the short and long term effect of stress on your physical and emotion health. น้องต้องใส่ใจมันทั้งหมดไม่ว่าระยะสั้นระยะยาวอะไรที่จะกระทบต่อสุขภาพน้อง น้องต้องสนใจeffect พี่ไม่สามารถรู้ได้ทุกๆคนว่าแต่ละคนเป็นอย่างไร 
Stressors. -losing trade -mental mistake   -financial strains >try to male money on this week 
-the looming futre          -just plain old in gereral.
โฟกัสอนาคตมากพยายามทำนายตลาดอนาคตไม่เป็นอย่างที่คิดก็เครียด แล้วถ้าเใครห็นอนาคตได้มากถูกทางก็บอกว่าเทพแล้ว จริงๆผิดๆถูกๆมันก็พอๆกัน เราเข้าใจธรรมชาติเราไม่สามารถเข้าใจอนาคตได้หรอก ถ้าน้องมั่นใจว่ามันต้องขึ้นแล้วมันไม่เป็นไปตาม มันจะมีeffectกับน้อง น้องต้องบลาลานซ์ให้ได้ ตัวอย่างเช่น ถ้าน้องมองภาพใหญ่ไม่ออก position size ไม่ว่าทำดีแค่ไหนก็ตามเข้าออกได้สุดยอด น้องไม่ได้ฝึกมอง น้องต้องมองด้วยตัวเองทั้งหมด บางคนตั้งฟันด์แล้วเจ้ง มันมีอะไรมากกว่า position size 

14.พยายามมีจิตใจที่บวก Positive มองทุกอย่างในด้านดีแม้ว่าเรื่องแย่ก็ตาม คิดบวกมองเป็นโอกาส กองทุนมาโวริชมักบอกว่า ทุกอย่างนี้ต้องใช้เวลาเดือนหลายวัน ไม่มีอาชีพไหนง่าย ตรงนี้ทำให้คนท้อถอยดูอย่างกีฬาทุกอย่างมั่นยาก ทุกอย่างต้องใช้เวลาทั้งนั้น Though>Feeling>Action>Resulth 

Positive 
you can’t win them all”
 “that why we use stop” 
the market taught me a lesson” 
“ these thing take time” 
“i’m putting in a lot of time,but in the long run it will pay dividends” 
“It’s just money i’will make more”

Negative “i can’t belive how stupid i am”  “it’s just too hard”  “I’m not smart enough”  “I’ll never get this”  “maybe i’m not cut out for trading”  “I’ll never be disciplined” “i’m just lazy”
“I’m ruined without that money” 


15.Develope winning habits “we are what we repeatedly do. Excellence then,is not an act,but a habit”
กองทุนมาโวริชบอกว่าน้องจะเป็นสิ่งที่น้องทำอย่างเสม่ำเสมอถ้าน้องปรับต้นทุน ทุกวันน้องจะชำนาญมันก็จะเป็นhabit ถ้าน้องไม่ลองทำดูมันก็จะไม่เกิด ไอเดีย  Ray dalio เขากล้าสอน กล้าแชร์ เพราะเขารู้ว่าถ้าน้องไม่ทำตามน้องก็จะไม่รู้  เขาก็รู้ว่าคนส่วนใหญ่ถ้าไม่ลองทำก็ไม่รู้แต่ถ้ามีคนทำก็จะมีประโยชน์ต่อเขาเอง

“Great thing are not done by impulse,but by a series of small things brought together” 
ทำเสม่ำเสมอหลายๆอย่างสิ่งเล็กๆนี้ทำให้เกิดเปลี่ยนแปลงได้ ทุกๆอย่างทำทีละนิดๆ ลองดูลองทำ อย่างมูลนิธิเราต้องมีพันล้านก่อนถึงจะทำ หลายคนเป็นแบบนี้ แต่ถ้าเราเริ่มจากเล็กๆน้อยๆก่อนมันจะมีพิ้นฐานของมันต้องค่อยๆทำทีละนิดๆ ถ้าพอใหญ่ขึ้นมีฐานที่ดีมันก็จะเป็นแบบอย่างบริหารไปได้ ถ้าไม่เคยลองทำเลยแล้วใช้ทุนก้อนใหญ่ทีเดียวเวลาเจ้งก็เจ็บหนัก  

สุดท้ายบอสบอกที่เขากล้าแชร์ไอเดียต่างๆเขาไม่กลัวเพราะว่าของฟรีๆไม่ค่อยมีใครใช้ฮ่าๆๆๆ และถ้าใครเอาไปใช้ก็จะเกิดประโยชน์เอง

กระดาษ Lecture....my boss







วันศุกร์ที่ 7 มีนาคม พ.ศ. 2557

การเติมพลังหรือสมาธิในการทำงาน

แหล่งเพิ่มถังเก็บพลังงานชั้นดี
พลังงานในการทำงาน ผมจะคิดว่ามันคือสมาธิในการทำงานหลังจากที่ผมได้ทำงานในเฮดจ์ฟันด์
 (ฮ่าๆๆๆขอเรียกแบบนี้แล้วกัน^0^ ) ผมรู้สึกว่าตัวผมเองต้องบริหารเวลาที่มีจำกัดให้มีประสิทธิ์ภาพที่สุด ช่วงแรกๆผมทำงานผิดพลาดเยอะมากๆ ถึงจุดนึงผมมานั่งดูตัวเอง จึงทำให้รู้ว่าเรายังขาดสมาธิในการทำงานไป บอสผมเรียกว่าไฟในการทำงาน  แรกๆบอสผมสอนว่าให้เราบลาลาซ์ไฟให้ดีอย่าให้มันเร่งเร็วไป หรือมอดเร็วไป  ตอนแรกผมก็ไม่เข้าใจ จนมาถึงวันนี้ผมเริ่มเข้าใจมาบ้างแล้ว อิอิอิอิ

 ผมจะมาเล่าให้ฟังว่าผมอัพเกรดถังเก็บสมาธิยังไง สิ่งแรกหลังจากที่ผมรู้ ผมเริ่มฝึกเล่นหมากรุก ในช่วงที่ว่าง งานช่วงแรกๆหน้าที่รับผิดชอบผมยังมีไม่มาก ผมจึงเร่งอัพเกรดถังเก็บพลังงานตัวนี้ โดยเล่นหมากรุกวันละ25-30 กระดาน (55555+โหดๆ)  ช่วงฝึกแรกๆปวดหัวและหมดแรงมากๆ แต่พอเล่นไปบ่อยๆ หลายๆวันจะเริ่มรู้สึกดี ร่างกายเริ่มปรับตัวได้แล้ว และมีงานบัญชีอีกตัวที่เป็นตัวอัพเกรดถังเก็บพลังงานให้ผมได้มากเลยทีเดียว

ถึงตอนนี้ผมสามารถโฟกัสงานเทรด และงานบัญชีได้ดีมากขึ้น ผมเริ่มมีสมาธิในการทำงานมากขึ้น ผมเริ่มจับจังหวะได้บ้างแล้วว่าช่วงไหน สมาธิผมเริ่มหมดแสดงว่าพลังงานเริ่มหมดแล้วต้องพัก แต่งานบางอย่างผมก็ยังมีผิดพลาดอยู่บ้างแต่มันก็น้อยลงมากๆ  ผมเริ่มบลาลานซ์กิจกรรมต่างๆได้ดีขึ้น แต่ยังดีไม่พอ

ผมได้ประโยชน์อะไรจากการทำแบบนี้ ผมเริ่มสัมผัสตัวเองได้ว่า ช่วงไหนที่ควรพักงานเพราะผมจะมีตัวเช็คสมาธิของตัวเองคือ หมากรุก หากช่วงไหนผมเล่นแพ้บ่อยๆ แสดงว่าสมาธิผมเริ่มขาดหาย ผมจะเอาความผิดพลาดมาลงกับหมากรุกแทน งานจะได้ไม่เสีย พอผมรู้ตัวเองแล้วว่าสมาธิไม่มีเป็นจุดที่ผมต้องไปนอนแล้ว หรือนั่งสมาธิบ้างให้ร่างกายได้พักผ่อน เพื่อให้สติกลับมา โฟกัสได้เหมือนเดิม อิอิอิอิอิ
มันทำให้ผมควบคุมอารมณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นได้ หรือว่าEQ ทำให้ผมเห็นอารมณ์ตัวเองเริ่มเข้าใจคนอื่นมากขึ้น ผมมีความอดทนจากคำพูดที่มากระทบได้มากขึ้น

ทุกวันนี้ผมก็ยังหาโอกาสเวลาที่ว่างๆต่างๆมาอัพเกรดถังพลังงานสมาธิอยู่ เช่น นั่งสมาธิก่อนนอน เล่นหมากรุก ทำงานบัญชี  อ่านหนังสือ รีวิวเหตุการณ์ต่างๆ กิจกรรมเหล่านี้เป็นตัวเพิ่มถังพลังงานให้ผมทั้งสิ้น ทำให้ตอนนี้ผมสามารถรับงานที่ต้องใช้สมองมากขึ้นและหลากหลายขึ้นได้ เพราะสมองผม ร่างกายผม ได้โดนปูทางพื้นฐานรองรับงานไว้บ้างแล้ว แต่ทุกอย่างก็ต้องค่อยเป็นค่อยไป ต้องบริหารร่างกายและสมองให้ดี

ถ้าอ่านมาจนถึงบรรทัดนี้แล้วยังไม่เข้าใจว่าที่ผมอธิบายคืออะไร ผมจะเล่าวิธีการใช้พลังงาน(สมาธิ,โฟกัส) ให้ฟัง
-สิ่งแรกที่ผมอยากให้มองก่อนคือ ขอบข่ายทัศนคิตตัวเอง หากเราคิดว่าเราอยากเป็นอะไรแบบไหนเราจะเพิ่มขีดความสามารถให้กับตัวเองเพิ่มขึ้น อยากเช่นตอนแรกผมคิดว่าในอนาคตผมต้องสามารถบริหารพอร์ตกระสุน 1000นัดได้  ร่างกายกับสมองผมก็จำแล้วว่า ต้องทำอย่างไรก้ได้ให้ร่างกายและสมองรองรับความสามารถนั้น มันจะเป็นเชื้อไฟในใจให้เราอยากพัฒนา ตัวเองนั้นเอง

-การบริหารพลังงานของผม ตอนแรกผมมี 2พอร์ต ผมจะแยกสมองไว้ 3อย่างคือ โฟกัสพอร์ต1 30% โฟกัสพอร์ต2 30% เล่นหมากรุก30%

-หากช่วงไหนที่พอร์ตกระสุนเริ่มติด หรือวางแผนไว้ว่าถึงขีดจำกัดของพอร์ตแล้ว ผมก็จะดึงสมาธิออกจากพอร์ตนั้น ไปใส่ในหมากรุกแทน กลายเป็นพอร์ต1 5% พอร์ต2 30% หมากรุก 60%

- ทีนี้เราก็จะมองเห็นภาพแล้วว่า ถ้าผมมีงานมากขึ้น หรือพอร์ตมากขึ้น ผมก็จะต้อง บลาลานซ์พลังงานเป็น% ตามสัตส่วนหน้าที่รับผิดชอบแทน

-ถ้าหากช่วงไหนที่ผลงานหมากรุกผมเริ่มแย่ หรือร่างกายสมองเริ่มเหนื่อยผมก็จะพักผ่อนโดยการนอนหลับ ทำให้พลังงานผมกลับมาเต็มเหมือนเดิม  และก่อนนอนผมจะทำสมาธิสั้นๆ 5-10นาที

-ทีนี้ก็พอเห็นภาพแล้วว่าผมบลาลานซ์ชีวิตบริหารเวลาอย่างไร  ส่วนตัวหมากรุกนี้เป็นตัวยืดหยุ่น คือ ถ้าผมต้องทำรายงาน ทำบัญชี อ่านหนังสือ ผมจะดึงสมาธิจากตัวหมากรุกไปเติ่มในงานที่ต้องรับผิดชอบแทน  ฉะนั้นหากผมสามารถทำกิจกรรมแบบนี้ไปได้ต่อเนื่องและยาวนานได้ ผมก็จะมีขีดความสามารถมากขึ้น อิอิอิอิอิ วิธีพักผ่อนของผมที่ดีที่สุดคือ นอนหลับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ

 เวลาผมอ่านหนังสือผมจำเทคนิกมาจากคนยิวคือ อ่านเมื่อที่สมองเราอยากรู้อยากอ่านจริงๆแล้วก็อ่านมันให้ยาวนานต่อเนื่องไปเลย อ่านไปให้ได้มากที่สุดจนกระทั่งเราเริ่มไม่มีสมาธิแล้วแสดงว่าเราหมดพลังแล้วก็จงหยุดพัก เราไม่ควรอ่านหนังสือไปแล้วพักไปเพราะสมาธิเรากำลังโฟกัสดีๆแล้วขาดตอน ทำให้จำได้น้อยลง แต่แรกๆก็อ่านแบบนี้จะทำชั่วโมงได้น้อยหน่อยต้องค่อยๆพัฒนา  ผมใช้วิธีนี้อ่านหนังสือมันช่วยเพิ่มประสิทธิ์ภาพให้ผมจำและเข้าใจได้มากขึ้นและประหยัดเวลาผมได้มาก


บอสผมก็ได้แนะนำอะไรหลายๆอย่างในการบริหารไฟในตัว สมาธิ การฝึกพื้นฐานในแง่ของทฤษฎีว่า

การเล่นหมากรุก จะเพิ่มถังเก็บสมาธิได้มากจะเพิ่มพลังงานได้น้อย
การงีบหลับ ไม่เพิ่มถังเก็บสมาธิ แต่จะฟื้นพลังงานได้รวดเร็ว
การทำสมาธิ จะเพิ่มถังเก็บสมาธิได้น้อย ฟื้นพลังงานได้เร็ว
การอ่านหนังสือจะเพิ่มถังเก็บสมาธิได้มาก จะเพิ่มพลังงานได้น้อย
การออกกำลังกาย เพิ่มถังเก็บสมาธิ ไม่ฟื้นพลังงาน
เล่นเกมmoba(พวกดอทเอ lol ) จะฟื้นพลังงานได้ และเพิ่มสกิวรีเฟ็กทีพ
เล่นเกมแนว mmorpg จะเพิ่มจินนาการของเรา
เล่นดนตรี ฟื้นพลังงานได้รวดเร็ว
ทุกอย่างเราต้องทำให้มันสมดุลกับชีวิตเรา ร่างกายของเรา

สุดท้ายเรื่องของความสามารถของมนุษย์
บอสผมเล่าให้ฟังว่า มนุษย์ทุกคนในโลกสามารถดึงความสามารถตัวเองออกมาได้มากสุด 30% ของสมอง คนธรรมดาทั่วๆไปดึงความสามารถออกมาอย่างมากได้แค่ 20%  ส่วนคนที่มีพรสวรรค์สามารถดึงมาได้25%ตั้งแต่เกิด และเขาก็ฝึกต่อเรื่อยๆจนถึง30%ก็เป็นผู้เชียวชาญในด้านนั้น
แนวคิดที่บอสให้ก็คือ หากเราไม่มีพรสวรรค์เราก็ต้องฝึกพยายามต่อไปให้ขีดความสามารถเข้าเข้าใกล้พวกคน25-30%ให้ได้มากที่สุด ถึงแม้เราจะไม่เชียวชาญก็ตาม แต่ถ้าถึงจุดนั้นความสามารถเราก็เหนือกว่าคนที่ไม่ได้ฝึกแน่นอน แต่ถ้าเราฝึกไปเรื่อยๆเราก็จะใกล้พวกคน30%มากขึ้นๆ





วันพุธที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

2/27/2014 ผลการเทรดของตัวเอง ^0^


นี้เป็นการตัดย่อรายงานบางส่วนที่ผมได้รีวิวระบบเทรดตัวเอง แนวคิดตัวเองทั้งหมดอย่างซื่อสัตย์กับตัวเองที่สุด และสรุปทุกposition ที่ผ่านมือผมไป สรุปย่อๆ และผมอยากเก็บไว้ในบล็อค ^_^ อิ อิอิ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

รายงานผลการเทรด

         รายงานฉบับนี้เนื้อหาทั้งหมดผมจะรีวิวด้านความเชื่อทั้งหมดในการเทรดของผม ระบบเทรดของตัวเอง แนวคิดแต่ละพอร์ตที่ได้เทรด สิ่งที่ผมกลัวในการเทรด  สิ่งที่ผมได้เห็นในการเทรดความรู้สึกต่างๆ ข้อผิดพลาดเกี่ยวกับการเทรดตั้งแต่ที่ได้เข้ามาอยู่ในแคมป์นี้ ผมจะรวบรวมผลงานการเทรดแต่ละพอร์ตทุกๆposition ที่ผมได้เทรดและรีวิวไปทีละพอร์ตในมุมมองของตัวเองอย่างซื่อสัตย์กับตัวเองที่สุด  รายงานเล่มนี้ผมคิดว่าเสมือนเป็นการรีวิวแนวคิดและผลงานที่ออกมาในแบบรูปประธรรมที่สุด
       
 สุดท้ายขอขอบคุณพี่ต้านและมัดเล่กรุ๊ปที่ได้จัดตั้งแคมป์เชียงใหม่ขึ้นมา เพื่อให้เทรดเดอร์ได้เห็นรูปแบบการทำ งานของเฮดจ์ฟันด์ว่าเป็นอย่างไร  มีการแข่งขันขนาดไหน ขอบคุณมัดเล่กรุ๊ปที่ทำให้เด็กธรรมดาๆคนนึงได้อยู่ในบรรยากาศสภาพแวดล้อมของเฮดจ์ฟันด์ ซึ่งผมรู้สึกว่าผมเป็นเด็กธรรมดาๆที่โชคดีมากๆ ที่มีโอกาสดีๆ ไม่แพ้กับเด็กส่วนใหญ่ในรุ่นเดียวกัน  ขอบคุณที่ให้โอกาศนี้นะครับ    




                                             “ คุณต้องตอบคำ  ถามให้ได้ว่าคุณอยากจะเป็นอะไรจริงๆในชีวิต 
                                  และ คุณก็ต้องพร้อมยอมเสียอะไรบางอย่างในชีวิตเพื่อที่จะเป็นเช่นกัน  
 สุภาษิตชาวอเมริกัน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

เริ่มแรกความรู้สึกตัวเองความเชื่อในการลงทุน

        สิ่งแรกขอพูดเกี่ยวกับความผิดพลาดในการลงทุน ผมเคยเทรดค่าเงินด้วยเงินต้น15,000บาท ซึ่่งเป็นเงินเก็บของตัวเองแล้วศูนย์เสียมันไป ตอนนั้นผมอายุ20ปี ตอนนั้นถือว่าเป็นเงินก้อนใหญ่ที่สุดในชีวิตของผมเลยก็ว่าได้ มันทำให้ผมจำ ฝังใจและทำให้ผมคิดขึ้นได้ว่านี้มันไม่ใช่การลงทุนแล้ว การลงทุนจริงๆมันต้องสนุกต้องป้องกันความเสี่ยงได้ เงินมันต้องเติบโต พร้อมกับระยะเวลาที่เพิ่มขึ้น หน้าตักมันไม่น่าจะหายไปได้ การลงทุนต้องมองความเสี่ยงทุกอย่างที่มันเป็นไปได้ทั้งโบรค แผนการเทรด มาจิ้น เงินหน้าตัก  ความผันผวนของสินค้า แม้กระทั่งตัวเทรดเดอร์เอง

เกี่ยวกับพื้นฐานแนวคิดที่ผมใช้กับทุกๆพอร์ตในการเทรดพอร์ตของมัดเล่กรุ๊ปเลย สิ่งแรกที่ผมมองก่อนก็คือความเสี่ยงในรูปแบบต่างๆที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ในบริบทของพอร์ตการเทรนในมัดเล่กรุ๊ป ที่ให้เป็นลักษณะกระสุน ผมจะไม่พยายามเทรดpositionติดๆกันในโซนเดียวกัน ผมจะเทรดสินค้าที่ไม่มีหมดอายุ นอกที่จะจำเป็นต้องเทรดจริงๆผมก็จะต้องเทรด ความเชื่อลึกๆก็คือผมกลัวที่จะศูนย์เสียเงินเริ่มต้นลงทุน และทำให้ผมรู้จักกับการเทรดแบบเคแซดเอ็ม ระบบที่ปกป้องเงินทุน ผมก็ศึกษาและทดลองด้วยตัวเองอย่างจริงจังในรูปแบบของตัวเองและวิธีนี้ก็ทำให้ผมรอดได้ในตลาดเงินที่ผันผวน และเป็นคอนเซ็ปที่ผมใช้ในการเทรดกับทุกๆพอร์ตที่ผมเทรนในมัดเล่กรุ๊ป จริงๆทุกอย่างมันมีทั้งด้านดีด้านเสียของมันหมด  

คอนเซ็ปนี้มันก็มีข้อดีที่ปกป้องเงินต้นทุน แต่ก็มีข้อเสียที่ผลตอบแทนน้อย ซึ่งเท่าที่เจอคนส่วนใหญ่จะให้น้ำ หนักความสำ คัญกับผลตอบแทนน้อย หากเรามองอีกมุมก็คือถ้าคอนเซ็ปนี้ป้องกันเงินทุนได้ ไม่ว่าจะมีหน้าตักสัก1ล้านหรือ 10 ล้าน มันก็จะยังไม่หายไปไหน เพราะความเสี่ยงมันถูกจำ กัดไว้ตั้งแต่ต้นแล้วก็มีแต่การที่ขาดทุนทางบัญชีซึ่งก็ไม่ทำให้เงินหน้าตักเราหายไปไหน  ถ้าระบบนี้ได้ผลตอบแทนปีละ1%จากหน้าตักแค่1หมื่นบาท มันจะดูน้อยไป แต่หากมองอีกมุมนึง หากเรามีหน้าตัก10 ล้าน ผลตอบแทน1 % มันจะดูเยอะขึ้นเลยทีเดียวและมันสามารถโตต่อไปได้อีกเรื่อยๆตามตลาดได้   แต่คนส่วนใหญ่ไม่ได้มองด้านนี้จึงทำให้เขาไม่สนใจคอนเซ็ปนี้และหาระบบที่ผลตอบแทนที่ดีกว่า  ซึ่งผมแค่คิดว่าเอาตัวรอดในตลาดทุนให้ได้ยาวนานที่สุด ยอมรับผลกำไรตามธรรมชาติของตลาดจะมอบให้
ก็คือสุดยอดของการลงทุนของผมแล้ว 

 ไม่ว่าใครจะเรียกมันว่าอย่างไร เคแซดเอ็ม ปรับต้นทุน มาเกดโมเดล ลงซื้อขึ้นขาย ซื้อถูกขายแพง ผมว่าคอนเซ็ปมันก็คล้ายๆกัน แล้วแต่สถาณการณ์ที่เราจะเอาไปประยุกต์ใช้  ซึ่งนี้คือหัวใจพื้นฐานของการเทรดของผมและมันอาจจะเป็นกำ แพงขึ้นมาหากมองด้านผลตอบแทน  ลึกๆผมเชื่อว่าการลงทุนไม่ว่าจะทำ อย่างไร วิธีการเทรดนั้นรูปแบบจะเหมือนเดิม ที่ต่างกันคือสินค้า ตัวสินค้าที่ต่างออกไปนั้นเองจะเป็นตัวทำ ผลตอบแทน  ลึกๆผมจึงให้ความสำ คัญและกำ  ลังฝึกเกี่ยวกับการวิเคราะห์สินค้ามากกว่าวิธีการเทรด  ว่ากันง่ายๆก็คือ แค่ลงซื้อขึ้นขาย ปรับต้นทุน ก็เกินพอสำ หรับการเทรดบริหารเงินของผมแล้วนะครับ ส่วนตัวผมชอบรูปแบบของพอร์ต Long Term Wealth ถ้าชุดความคิดนี้ผิดและไปไม่รอดสักวันผมก็จะได้เรียนรู้มันถึงแม้มันจะเจ็บปวดแต่มันก็คุ้มค่าพอที่จะเรียนรู้และผมก็ยอมรับมันหากมันเป็นเช่นนั้น

สุดท้ายที่ผมเขียนรีวิวชุดความคิดตัวเองยาวๆผมคิดเสมือนว่า หากผมเป็นผู้จัดการกองทุนผมอยากให้นักลงทุนรู้อะไรบ้างในแนวคิดของผม ผมบริหารมีความเสี่ยงขนาดไหน แผนการเทรดผมเป็นอย่างไร ผลการเทรด วิศัยทัศน์ผมเป็นอย่างไร ผมจึงเขียนออกมาในรูปแบบที่ผมอยากให้นักลงทุนเห็นและเข้าใจ ขอบคุณในความอดทนที่อ่านถึงบรรทัดนี้ครับ ขอบคุณครับ 

 ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

วิเคราะห์สะสมหุ้น:พอร์ตนี้เป็นพอร์ตที่ผมรู้สึกสนุกและตื่นเต้นมากๆตั้งแต่บอสเริ่มสอนวิธีการค้นหาหุ้น แนวคิดการเลือกหุ้น มุมมองเศรษฐกิจ แนวโน้มทิศทางการเติบโต เป็นการวิเคราะห์หุ้นแบบจริงจังครั้งแรกในชีวิตเลย ซึ่งระหว่างที่ผมคัดกรองหุ้นผมรู้สึกได้ฟิวยังกับตอนวอเร็นบัฟเฟตทำงานกับ   กองทุนของเบนจามินแกรแฮมเลย(จินตนาการล้ำ  มากฮ่าๆ)  วอเร็บบัฟเฟตก็ต้องนั่งหาหุ้นพื้นฐายวิเคราะห์หุ้นทั้งตลาด ผมใช้วิธีการคัดหุ้นดูจากราคาและ บุ๊คแวลู ผลกำ ไรของบริษัทเพียงแค่ตัวเลข ผมนั่งกรองหุ้นทีละตัวเพื่อซึมซับบรรยากาศเวิร์คฮาร์ดที่พยายามสร้างขึ้นมาเองและ
ผมรู้สึกชอบมาก

และแล้วผมก็ได้หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมที่ราคายังถูกกว่าพื้นฐานบริษัทมา1ตัว  ผมถูกใจทั้งชื่อหุ้น บริษัท เจ้าของบริษัท และกิจการเลยทีเดียว  ผมลองสวมจิตวิญญาณของวอเร็นบัฟเฟตดูบ้างผมจึงเข้าไปศึกษารายงานประจำ ปีของบริษัท หนังสือเชิญชวนผู้ถือหุ้น สาร์นจากประธานกรรมการ งบการเงิน ซึ่งแน่นอนผมอ่านไม่รู้เรื่อง แต่ก็ทำให้เห็นภาพรวมรายได้การเติบโตของบริษัท ก็ทำ ให้เป็นข้อมูลการตัดสินใจได้มากเลยทีเดียว  สิ่งที่ผมคาดหวังจากบริษัทนี้คือ บริษัทลูกๆที่ถืออยู่สร้างกระแสเงินสดให้บริษัทแม่เติบโต ซึ่งมีทั้งบริษัทธนาคารการเงินโรงแรม สินค้าโภคภัทร์เนื้อวัว ซึ่งคนอเมริกาบริโภค เนื้อไก่กับเนื้อวัวส่วนใหญ่ ธุระกิจทั้งหลายนี้จะเพิ่มมูลค่าให้บริษัท และสะท้อนมาถึงราคาหุ้น 

**ผมไม่สามารถบอกชื่อหุ้นบริษัทนี้ได้เพราะผมกลัวว่าราคาพื้นฐานหุ้นตัวนี้จะเปลี่ยนไป มันกระทบต่อผลการดำ เนินงานของผมมี่ต้องใช้ต้นทุนที่สูงขึ้น 555555+

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

สรุป มูลค่าผลกำไร/ขาดทุน


มูลค่าพอร์ตทั้งหมดใน MT4 พอร์ตที่ได้เทรนร่วมกับเทรดเดอร์ในแคมป์ทุกๆ position ที่เปิดผ่านมือผมทั้งหมด ทั้งพอร์ตเทรนส่วนตัวและพอร์ตทีมพอเอามาสรุป Nav และผลออกมาว่าผลงานผมเป็นบวก อ๊ากกก ผมรู้สึกดีใจมากๆและภูมิใจตัวเองมากๆไม่คิดเลยว่ามันจะกลายเป็นบวกได้ แต่ละพอร์ตเทรดไปด้วยอารมณ์ที่แตกต่างกัน บ้างก็เทรดรู้สึกแย่บ้าง บ้างก็มีความสุขกับการเทรด แต่รวมๆผลที่ออกมามันดีกว่าที่คิดไว้เยอะมาก  สำ หรับผมที่จริงแค่บวก 1$หรือไม่ติดลบผมก็พอใจแล้ว ผมเชื่อว่าผลงานจริงๆมันต้องดูที่ระยะยาวว่าผมจะทำได้แค่ไหนบางทีระยะยาวกว่านี้Nav ผมอาจจะเป็นลบก็ได้ แต่สิ่งนึงที่ติดตัวผมไปตลอดก็คือ เรื่องของความเสี่ยงซึ่งมันเป็นทั้งข้อดีและข้อเสียภายในตัวมันเอง อย่างน้อยผมก็ดีใจแล้วผมคิดว่าผมโชคดีมากฟลุ๊คจริงๆ 

 สำหรับผลงานการเทรดทั้งหมดผมคิดว่าไม่มีอะไรจะต้องปิดบัง ไม่ว่าposition นั้นลบมากขนาดไหน หรือบวกมากขนาดไหน การปิดบังposition หรือบิดเบือนสำ หรับผมมันก็คือการโกหกตัวเอง ฉะนั้นผมยอมรับซื่อสัตย์และเครพทุกๆ position ที่ผมเทรดเองเสมอไม่ว่าผลงานมันจะแย่แค่ไหนผมเชื่อว่าคนเราสามารถปรับปรุงได้ ถ้าเปิดใจยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาด


สรุปผลพอร์ตเมเนเจอร์ ผลออกมาเป็นบวกครับ เย้ๆๆ ที่จริงผมเป็นคนเทรดไม่เก่ง  บางทีผมก็กลัวการเทรดด้วยซ้ำ    แต่ทุกๆครั้งที่ผมจำ เป็นต้องเทรด สิ่งหนึ่งที่ทำ ให้ผมสบายใจที่จะเทรดได้คือ การคุมความเสี่ยง การรู้ว่าความเสี่ยงทั้งหมดมันคืออะไรเราจะแก้มันด้วยอะไรนั้นคือสิ่งที่่ผมว่ามันสำ คัญพอๆกับ skill การเทรดมากมาย สำ หรับคำ ว่าคุมความเสี่ยงหรือแผนการเทรดทั้งหมดไม่ใช่หมายความว่าผิดแล้วคัดลอส แต่ความหมายคือเต็มใจที่จะแบกรับความเสียหายของ position เหล่านั้นได้มากแค่ไหนและได้นานแค่ไหน  เงินจำ  นวนเท่านี้สามารถ ทนกับpositionติดลบได้เยอะแค่ไหน ได้กี่position นั้นคือความสบายใจที่จะเทรดของผม เทรดเดอร์ต้องแยกให้ออกว่าพอร์ตไหนระบบปิด พอร์ตไหนระบบเปิด 
ผมเชื่อว่าหากเราจัดการposition บริหารพอร์ตที่ดี มันจะนำ  ผลตอบแทนที่ควรจะได้จากตลาดเข้ามาหาเราเอง  คำ ว่าเทรดเก่งในสายตาของผมไม่ได้วัดจากปริมาณCFที่ทำได้มากขึ้นทุกๆเดือน จริงๆแค่เทรดเดอร์คนนั้นเทรดposition ไม่ติดกันเกินไปใน1โซน ผมถือว่าเทรดเดอร์คนนั้นเก่งแล้วครับ สเปกการเลือกเทรดเดอร์ของผมมีแค่นี้เองครับ ^_^





วันพุธที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

ประทับใจตั้งแต่ต้นปี57 เลย อิอิ


ประทับใจตั้งแต่ต้นปี57 เลย อิอิ
          เมื่อเดือนที่แล้วผมมีโอกาสได้เลือกหุ้นเพื่อสะสมเป็นทรัพย์สินของตัวเองและกองทุน 
ซึ่งถือว่าเป็นของขวัญที่ไม่ใช่สิ่งของแต่เป็นโอกาสที่บอสได้มอบหมายให้ผมได้ทดลองวิเคราะห์หุ้นด้วยตัวเองโดยมีเงื่อนไขบางอย่างคือราคาไม่เกิน 50$  อิอิอิอิ


เนื้อหาบางส่วนแนวคิดในการเลือกหุ้น (อารมณ์เหมือนเชียร์หุ้น 555+)
           จากข้อมูลบริษัทผมเห็นทรัพย์สินของบริษัทเติบโตขึ้นทุกๆปีในระยะยาว และบริษัทสามารถผ่านช่วงวิกฤตการเงินมาได้หลายๆรอบและหลายๆครั้ง บริษัทสามารถอาตัวรอดมาได้และหากเทียบกับตลาดอุตสาหกรรมS&P500,DOWแล้วเปอร์เซ็นการขึ้นของหุ้นสูงกว่าตลาดเป็นเวลาที่ยาวนาน และด้วยวิสัยทัศน์ของCEO ที่เลือกลงทุนในบริษัทหลากหลายอุตสาหกรรมออกไป ทำให้เวลาเกิดวิกฤตจะได้รับผลกระทบไม่มากนักซึ่งผมมองว่าเป็นหุ้นพื้นฐานดีที่ราคายังถูกอยู่มากถ้าหากเทียบกับหุ้นหลายๆตัวในอุตสาหกรรมเดียวกัน
               ด้วยความเชื่อส่วนตัวลึกๆแล้ว จากข้อมูลบริษัทXXX ก็อยู่ในเครือของ Berkshirehathaway วิถีการดำเนินงานทัศนคติ  การปกป้องผลกำไร  วัฒนธรรมองค์กรต่างๆ นโยบายไปในทางเดียวกัน บางข้อมูลก็บอกว่า  XXXเป็นเหมือนเบิร์กไชร์แฮธาเวย์มินิ  เพราะการลงทุน นโยบายปันผล ผลดำเนินงานคล้ายๆกัน ผู้บริหารก็คล้ายๆกันบิร์กไชร์แฮธาเวย์มี วอเร็นบัฟเฟตและชาลีมักเกอร์ ส่วนXXX  มี เอียน คัมมิ่ง กับ โจเชฟ สเตมเบริก ทั้งหมดนี้ผมไม่ได้คาดหวังว่าบริษัทXXX จะเติบโตและราคาหุ้นสูงลับฟ้าเหมือน Berkshirehathaway นะครับเพราะเรื่องของต้นทุน,ค่าเงิน,สินค้าราคาปัจจุบันกับอดีตมันต่างกันมาก นิสัยการใช้ชีวิตของคนก็เปลี่ยนไปมาก แต่สิ่งที่ผมคาดหวังกับบริษัทXXX ก็คือ บริษัทลูกๆที่บริหารอยู่สามารถสร้างกระแสเงินสดให้กับบริษัทแม่ได้อย่างเสม่ำเสมอและต่อเนื่องยาวนาน  ซึ่งเป็นแนวทางที่ผมรู้สึกดีและชอบวัฒนธรรมอยู่ลึกๆ  ผมจึงจัดหุ้นแนว Holding Companyป็นหุ้นตัวแรกในการถือครองและผมคิดว่าในระยะยาวผมจะได้เห็นมูลค่าที่แท้จริงของการดำเนินงานของมัน ซึ่งตอนนี้ผมคิดว่ามันยังราคาถูกอยู่มากๆ คุ้มค่าที่จะซื้อเป็นทรัพย์สินระยะยาว 

มุมมองเล็กๆของการทำงาน
        วิสัยทัศน์การทำงานในเมื่อบอสให้โอกาสผมได้เลือกหุ้นด้วยมุมมองตัวเองและฝึกวิเคราะห์ด้วยตัวเอง  ผมก็จะขอใช้เวลาในส่วนนี้ให้เต็มที่ที่สุดอาจจะช้าหน่อย เพื่อหาข้อมูลวิเคราะห์ตามกำ ลังสมองเท่าที่ผมมีออกมาให้ได้มากที่สุด เพื่อจะได้คุ้มค่าพอทรัพยากรที่บอสให้โอกาส  และผมคิดเสมอว่านี้คือผลงานที่จะลงอยู่ในพอร์ตการทำงาน เหมือนเป็นการเปิดตัวฝึกคิดวิเคราะห์หุ้นในมุมมองเล็กๆของผม ผมจะคิดเสมอว่าทุกการเทรดลงทุนที่ผ่านมือผมไม่ว่าจะการฝึกหรืองานจริง มันคือเงินของนักลงทุนที่เชื่อมั่นและไว้ใจในตัวผม  หากเราไม่พยายามคิดพยายามลงทุนให้เหมาะสมแล้ว นักลงทุนก็จะเสียผลประโยชน์ไปเปล่าๆก็สู้ให้นักลงทุนถือเงินยังสดจะดีกว่า มาลงทุนกับเราที่ไม่ตั้งใจทำงาน  สุดท้ายผมคิดเสมอว่ามัดเล่กรุ๊ปก็เสมือนนักลงทุนที่ไว้ใจร่วมลงทุนในตัวผม ขอบคุณที่ให้โอกาสครับ
 



ในการวิเคราะห์เชิงลึก ผมยังต้องฝึกอีกเยอะมากๆๆๆๆ