วันพุธที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2555

GAPNOW (gapnow)


                 
 ใกล้จะปีใหม่แล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างดูเหมือนมันผ่านไปไวมากจนหน้าตกใจจริงๆครับ ^^” 
  สำหรับผมมันก็เป็นสิ่งที่หน้าตกใจจริงๆนะครับ คือ ผมลองทบทวนตัวเองตอนนี้กับตัวผมเองตอนต้นปีใหม่ (เกิดมา20ปีไม่เคยเทียบตัวเองเลยว่าตัวเองคนเก่า หรือคนใหม่ต่างกันยังไงอิอิ)  โหหห มันน่าตกใจมากๆครับ มันเหมือนคนละคนกันเลยครับ     ผมรู้สึกภูมิใจกับตัวเองมากๆ อยากจะขอบคุณตัวเองจริงๆ


ผมต้องขอบคุณตัวผมเมื่อต้นปีด้วยเช่นกัน ที่กล้าตัดสินใจทำสิ่งที่ตัวเองต้องการบางอย่าง   ตัวผมเมื่อต้นปีก่อนนั้นเป็นคนที่เริ่มคิดว่าชีวิตนี้อยากทำอะไร อยากเป็นอะไร ต้องการอะไรจากชีวิตนี้แน่ๆ จนเริ่มหาอะไรทำใหม่ๆ ลองอ่านหนังสือใหม่ๆเปิดมุมมองกว้างๆ  และอ่านแนวจิตวิทยาเยอะมาก (ปัจจุบันก็ยังอ่านอยู่) จนเริ่มรู้สึกว่าตัวผมต้องการอะไรจริงๆแล้ว


  ตัวผมเมื่อต้นปีก่อนเป็นคนที่ทุ่มเทเวลาให้กับบางสิ่งบางอย่างที่ต้องการจะทำมากๆ จนเรียกว่าสุดโต่งก็ว่าได้


 ในที่สุดตัวผมเมื่อต้นปีได้รับโอกาสที่ดีที่สุดในชีวิต และเขาพยายามรักษาโอกาสนั้นและเรียนรู้จากโอกาสนั้นได้ดีมากๆเลย แนวคิดกับวิสัยทัศน์ตัวผมเมื่อต้นปีนั้นเรียกได้ว่าใช้มโนภาพเยอะมากเลยทีเดียวแล้วสิ่งต่างๆก็เริ่มมาเป็นลางๆให้ได้เห็นได้สำผัสได้รู้สึก  แล้วตัวผมเมื่อต้นปีก่อนได้ลองทำสิ่งใหม่ๆ  และ ยอมตัดอคติความไม่ชอบส่วนตัวทิ้งไป ต้องขอบคุณในความกล้าของตัวผมเมื่อปีก่อนมากๆครับ จนทำให้เริ่มรู้หลายๆสิ่งด้วยตัวเอง


 ตัวผมเมื่อต้นปีก่อนบางที่ก็ยังแอบมีแนวคิดที่ว่า อีก1ปี-2ปี เราจะเป็นยังไงนะเราจะยังเชื่อในทางเดินของเราอยู่ไหม เราจะไปรอดไหม จะอยู่อย่างไร   และเมื่อตัวผมเมื่อต้นปีกลับมาคิดอีกที่ว่า พยายามทำทุกๆสิ่งที่อยู่ตรงหน้าให้ดีที่สุด อย่าไปbetหรือหวังว่าจะต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ได้ เขาก็เริ่มฝึกทำสิ่งที่เขารักไปเรื่อยๆเก็บประสบการณ์ที่มีอันน้อยนิดค่อยๆต่อยอดไปเรื่อยๆแม้จะไม่มากเท่าไหร่นัก  ระยะเวลาผ่านไปหลายเดือน ตัวผมเมื่อต้นปีเริ่มที่จะเรียนรู้สิ่งต่างๆจากโลกความจริงที่เกิดจากมุมมองผมเองมากขึ้นๆ 


สิ่งที่ผมดีใจในตัวเองมากๆคือ วิสัยทัศน์ที่ดีของผมคนเก่ายังมีอยู่ และผมได้เห็นการเปลี่ยนแปลงจากผมคนเก่าคือ ผมต้องพยายามฝึกฝนมากขึ้นจากเดิม ต้องมีความอดทนให้มากกว่าเดิม กล้าขอโทษและพร้อมที่จะยอมรับผิด มีสมาธิให้มาก และไม่กังวลกับอนาคตมากไป ถึงตอนนี้ผมก็ภูมิใจกับตัวเองเหมือนกันนะครับ แม้ความสำเร็จที่ผมตั้งเป้าไว้มันอาจจะดูเล็กน้อยสำหรับใครก็ตาม แต่สำหรับผมมันเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตเลย^^


ถ้าให้โอกาสกลับไปพูดกับตัวผมเมื่อต้นปีที่แล้ว ผมคงอยากจะบอกว่า ขอบคุณความกล้า ความอดทนของนายมากๆที่ทำให้เราอยู่ถึงวันนี้ได้ ถึงเวลานี้นายไม่ต้องกังวลเราจะพยายามเรียนรู้ต่อๆไป และเราพร้อมที่จะรับผลของการกระทำทุกๆอย่าง  ต่อจากนี้ไม่ว่าดีหรือร้าย เราจะพยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุด  แต่เราก็ยังคงมีนิสัยลึกๆแบบนายอยู่เหมือนกันคือ อีก2-3ปีข้างหน้า เราจะเป็นยังไงนะ ฮ่าๆๆ
“ ผมเชื่อว่าการกระทำของเราจะเป็นตัวกำหนดอนาคตของเราเช่นกัน “


(((  ขอบคุณบุคคลสำคัญของโลกหลายๆคนที่ให้แรงบันดาลใจที่ทำให้ดูเป็นแบบอย่าง และบุคคลสำคัญที่ยังมีชีวิตอยู่   ข้อคิดดีๆกำลังใจดีๆต่างๆทั้งบล็อกคุณกิ๊ฟ  และ ครอบครัวที่ให้โอกาสที่สำคัญ    ขอบคุณ Mudley Group ที่ให้โอกาสและผมพร้อมที่จะฝึกสิ่งใหม่ๆ พยายามทำให้เต็มที่ และ พร้อมที่จะให้โอกาสเล็กๆจากผมส่งต่อคนอื่น ^__^ ))) 





บล็อกคุณกิ๊ฟaphitcha.blogspot.com/
MudleyGroup: www.facebook.com/pages/MudleyGroup/126836487375715?fref=ts

วันอังคารที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2555

MudleyGroup, say

อย่าท้อ อย่าเหนื่อยใจ เวลาที่คนอื่นหาว่าเราโง่เขลา ในสิ่งที่เราพยามตั้งใจทำนะครับ หากเป็นสิ่งที่เราคิดว่าดีเหมาะสม สร้างสรรค์ก็สู้ต่อไปครับ ^ ^

Kathryn Schulz: On being wrong

(ฝรั่งส่วนมากก็กลัวผิดเหมือนกันหล่ะ เลยเป็น topic ได้ หากพวกเ...
ราส่วนมากเข้าใจเรื่องนี้ได้ก่อน พวกเราก็เริ่มก้าวหน้าแซงเค้าไปอีกขั้นล่ะครับ )

คนเราผิดกันได้ครับ ถ้าไม่ใช่เรื่องศีลธรรม(อันนี้ไม่ควรผิด)

http://www.ted.com/talks/kathryn_schulz_on_being_wrong.html

ส่วนหลักการในเรื่อง being wrong และ เรื่อง Creative หรือ out of box ของผมง่ายๆไม่มีอะไรให้ต้องคิดมากเลย

My Principle
"ถึงแม้จะผิดในทางวิชาการอย่างไร หากมันไม่ขัดกับศีลธรรม ถ้ามันทำได้จริงจนสามารถช่วยส่งเสริมตัวเราและคนอื่นในสังคมได้ เปลี่ยนแปลงบางอย่างที่ดีขึ้นได้แม้เพียงนิด ผมก็จะทำมันต่อไป แม้คนจะหาว่าโง่ก็ตาม หรือมันจะล้มเหลวไม่เป็นท่าผมก็จะทำ แต่ถ้ามันถูกต้องตามหลักวิชาการ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนหรือผิดศีลธรรม ผมก็จะไม่ยุ่งกับมันแม้ว่ามันจะดูฉลาดแค่ไหนก็ตาม"
 

 
ปล. มี sub thai นะครับ มีคนไทยจิตใจดี ที่น่ารักไปทำไว้ให้พวกเรา เผื่อเพื่อนๆคนไหนไม่ค่อยชอบภาษา English ครับ ^ ^

วันศุกร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2555

^__^

                     ได้มีโอกาสอ่านหนังสือ The8 Habit (อุปนิสัยที่8 ) หนังสือดีมากๆ

      วันนี้ก็เลย อยากแบ่งปันโอกาสบ้างแม้จะไม่ใหญ่มากมาย คือ เนื่องจากที่บ้านผมเปิดเป็นคลินิกสัตวแพทย์ผมเลยเอาหนังสือที่เป็นแรงบรรดาลใจ เหล่านี้ ( เดอะซีเคร็ดสุดยอดคนรุ่นใหม่ .เดอะพาวเวอร์. 30วิธีเอชนะโชคชะตา . กฎแห่งความโชคดี) ซึ่งมันมี อิทธิพลต่อความคิด การปฏิบัติของผมอย่างมาก



   และผมก็เชื่อด้วยว่าต้องมีคนอ่านและนำไปใช้  ลองคิดดูซิครับ ว่าถ้าคนในชุมชน คิดบวก รักในสิ่งที่ทำ รักเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน  มันจะดีแค่ไหน ^__^



มุมอ่านเล็กๆ ไว้นั่งรอการรักษา ^_^







 
 
 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2555

Law of Harvest (กฎแห่งการเก็บเกี่ยว) the 8th Habit

      ชาวโรมันเคยเล่ากันมาว่าการปลูกพืชหมุนเวียนให้ได้ผลดี เราต้องปลูกพืชคลุมดิน1000ปี และปลูกมันฝรั่งปีเดียว ซึ่งนั้นเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เลยดังนั้น เราจึงใช้ทางเลือกถัดไปนั้นก็คือการใช้เวลาและจำนวนปีในการเตรียมดินที่ใช้ปลูกเพื่อให้เวลาที่เราทำไร่มันผรั่ง ซึ่งเป็นพืชที่ปลูกได้ยากมากเราจะได้แน่ใจว่ามีโอกาสจะประสบความสำเร็จในทุกทางและได้ผลผลิตมันฝรั่งในคุณภาพสูง

      เรารู้ดีว่าในกลุ่มชาวไร่มันฝรั่งนั้น เรารู้สึกเหมือนเป็นพี่น้องกัน แต่ในอีกด้านนึงเราก็รู้ในความเป็นจริงแล้วเราต้องแข่งขันกันเองในเรื่องของผลผลิตและลูกค้าที่ซื้อผลผลิตของเรานั้นจะเป็นผู้ตรวจสอบมันฝรั่งในทั้งหมดในโกดัง และพยายามคัดเลือกมันฝรั่งที่มีคุณภาพสูงในอุตสาหกรรมมันฝรั่ง

       ลูกค้ายินดีจะจ่ายเงินซื้อมันฝรั่งคุณภาพสูง ส่วนมันฝรั่งคุณภาพต่ำจะหาตลาดไม่ได้ ฉะนั้นมันจึงเป็นข้อควรคำนึงว่า เราต้องใช้เวลาเตรียมการอย่างดีในการปลูกมันฝรั่ง ดังนั้นสิ่งที่เราทำคือใช้เวลาประมาณตั้งแต่ 2-3 หรือ4ปี ในการเตรียมดินล่วงหน้าก่อนที่จะลงต้นมันฝรั่ง และนี้เป็นหนึงในนั้น มันเป็นพืชคลุมดินไม่ใช่พืชที่จะสร้างกำไรแต่ก็เป็นพืชที่จะช่วยในการเตรียมดินเพื่อรอการปลูกมันฝรั่งที่ยังมาไม่ถึง การเตรียมการทุกอย่างที่เราทำก็มีเกือบจะทุกวัน เราทำเพื่อให้มั่นใจในคุณภาพและเราก็ต้องทำงานอย่างหนักไม่อย่างนั้นเราอาจจะได้ผลผลิตที่ไม่มีใครรับซื้อ

       อย่างหนึ่งที่เราเรียนรู้ตลอดเวลาที่ผ่านมาและผมก็อายุมากพอควรแล้ว นั้นก็คือธรรมชาติไม่เคยปราณีกับผู้ใด และถ้าเราฝ่าฝืนกฎธรรมชาติ ธรรมชาติจะลงโทษเราและคนที่พยายามโกงธรรมชาติและขอให้ธรรมชาติผ่อนผันคือคนที่จะพบกับความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง บางปีธรรมชาติอาจเมตตาพวกเราบ้างแต่ถ้าคุณเชื่อใจธรรมชาติคุณก็โง่ สิ่งเดียวที่คุณเชื่อได้คือตัวเองรีบเก็บผลผลิตก่อนที่ธรรมชาติจะกลับมาและแย่งมันไปจากคุณ

       บางครั้งความรู้สึกว่าเราอยากทำงานง่ายๆและรวจเร็วก็มีอยู่บ้างแต่เราเรียนรู้ว่าเราทำแบบนั้นไม่ได้เราต้องใช้เวลาความพยายามและเงินไปกับการใช้เครื่องจักรและแรงงานคนเพื่อเตรียมความพร้อมและทุ่มเทความอุตสาหะเพื่อให้งานสำเร็จได้ในเวลาที่จำกัด

       เราใช้เวลา 3-4 ปีในการเตรียมดินเพื่อเพาะปลูกมันฝรั่งปีเดียว แล้วจากนั้นเราก็มีเวลาเพียง 3 สัปดาห์ในการเก็บผลออกจากดิน แล้วพลิกหน้าดินก่อนที่ธรรมชาติจะเล่นตลกกับเรา เราพยายามเข้าไปฤดูเพาะปลูกได้ผลผลิตสูงสุดโดยรอเท่าที่จะรอได้แต่เราเองก็รู้อยู่ ว่ากำลังเสี่ยงกระตุกหางมังกรอยู่ ดังนั้นเราจึงต้องเตรียมการให้พร้อมเพื่อให้ต้นมันฝรั่งเติมโตนานเท่าที่จะนานได้และเมื่อมันสิ้นสุดลงเราก็จะลงมือเก็บเกี่ยวนี้เป็นขั้นตอนสำคัญ

       เราทำงานไม่ว่ากลางคืนกลางวันเราต้องเก็บมันฝรั่งวันละ 18 ชม. เพื่อไม่ให้ความเย็นในอากาศทำลายผลผลิตของเรา แม้มันจะอยู่ในดินก็ตาม มันเป็นตารางเวลาที่เร่งรัดและสำคัญมากซึ่งเราเตรียมตัวและฝึกฝนมาพร้อม และทำงานเสร็จตามเวลา ไม่งั้นเราจะเสียเปล่าไปกับเวลา 3-4ปีที่เราทำมา ในธุรกิจนี้เราได้รับบทเรียนบางอย่าง และบทเรียนบางอย่างนั้นก็รุนแรงเช่นกัน เราไม่สามารถจะเร่งรัดหรือโกงหากมันเกี่ยวกับช่วงเวลา เก็บเกี่ยว

       ความล้ำหน้าที่เราเห็น เช่น เรื่องชลประทาน อุปกรณ์ เทคโนโลยีเมล็ดพันธุ์ ปุ๋ย นั้น ไม่สามารถทดแทนเรื่องบางเรื่อง เรียกได้ว่าครั้งใดก็ตามที่เราฝืนกฎของการเก็บเกี่ยวเราก็จะพบความล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แม้ว่าจะมีความก้าวล้ำทันสมัยอย่างที่เราเห็นกันอยู่
เราพยายามเลือกเทคโนโลยีใหม่ๆ และเครื่องมือที่ดีที่สุดมาใช้ให้เหมาะกับงาน แต่เราก็รู้ว่าไม่มีอะไรมาทดแทนการตัดสินใจ การเตรียมการที่ดี และเหมาะและเราพึ่งได้มาตลอด และเราจะพึ่งมันได้ตลอดไป มันเป็นหลักสำคัญมากกว่าการเปลี่ยนแปลงในเทคโนโลยีและเครื่องมือ

       บางครั้งผมรู้สึกว่าค่านิยมในการเกษตรของประเทศนี้ หรืออาจจะทั่วโลก คิดว่าผลผลิตที่ดีจะต้องเกิดขึ้นได้ต้องอาศัยความก้าวหน้าในเทคโนโลยี สื่อสารและคอมพิวเตอร์กระทั้งมองเห็นว่าตัวคนทำงานนั้นไม่สำคัญ ผมคิดว่าสิ่งที่ไม่เกินเลยความจริงก็คือ เราจะประสบความสำเร็จได้ก็ต่อเมื่อ เราพัฒนาความสามารถในการปรับตัวให้เข้ากับเวลาที่เปลี่ยนไป

       ต้องเตรียมความพร้อมและไม่ยอมแพ้ต่อกิเลศที่จะหาทางลัด ในการเตรียมความพร้อมและความรู้และผมคิดว่าทันทีที่เราให้เทคโนโลยีมาทดแทนสิ่งเหล่านี้เรากำลังทำผิดอย่างมหรรย์ ธรรมชาติของการทำไร่นั้นเราไม่มีหลังคาคลุมศรีษะ เราได้รับเพียงสิ่งที่ธรรมชาติประทานให้ เรากักเก็บลม ฟ้า อากาศไม่ได้เราต้องทำงานเมื่อฟ้าฝนเป็นใจ เราควบคุมปัจจัยต่างๆไม่ได้ เราชอบชีวิตมันสร้างลักษณะเฉพาะตัวให้คนเรา ^_^

***หนังสือ อุปนิสัยที่8 (the 8th Habit)

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

Dawn 3 ^0^


   
  
*****( นี้เป็น e-mail ที่พี่ต้านให้น้องๆที่ผ่านเข้ามาสอบโป๊กเกอร์กับกองทุน ได้ส่งให้พี่ต้านว่า ถ้าผ่านเข้ารอบ 1ใน 10 คน อยากฝึกอะไรกับ กองทุน อยากทำอะไร อยากเรียนรู้อะไร  ( ซึ่งตอนที่เขาประกาศผมอยู่อันดับที่16 แล้วเหลืออีก4อาทิตย์ในการเก็บคะแนน T^T )      )


            สวัสดีครับพี่ต้านผมชื่อแก๊ปนะครับ ต้องขอขอบคุณทีมงานMudleyGroup มากเลยครับที่เปิดโอกาสดีๆแบบนี้ครับขอบคุณพี่รุ่นที่1-2ครับ  ที่มาร่วมแข่งขันสอบโป๊กเกอร์ ขอบคุณบทความความรู้แนวคิด ทัศน์-คติ เรื่องของจิตใจ ที่ผ่านใน Facebook+ Facebook-MudleyGroup+ pantip และบอร์ดอื่นของMudleyGroup ครับ ขอบคุณที่เปิดโอกาสให้เราได้ส่งเมลแสดงความคิดเห็นแสดงเป้าหมาย จุดยืนและความต้องการของแต่ละคนครับ มารู้จักกันครับ ^^


         ผมเกิดที่กรุงเทพ แต่สมัยที่ผมเด็กๆผมกับพี่ที่เป็นฝาแฝด เรียนอยู่ที่ อ.แม่สอด จ.ตาก บ้านลุงกับป้าและยาย ผมเป็นคนที่อารมณ์ดีมากครับ คิดในแง่บวกตั้งแต่เด็กๆเลยไม่ค่อยเป็นทุกข์เท่าไหร่ เพราะดูแบบอย่างจากลุง ลุงเป็นคนใช้ธรรมะสอนและปฎิบัติเป็นแบบอย่างของครอบครัวครับ ตอนเด็กๆผมเรียนรู้จากการเล่น การอ่าน การลองทำสิ่งใหม่ๆ ผมชอบดูสารคดีมาก ซึ่งทำให้ผมเรียนรู้ได้ดีเลยทีเดียว

          ผมไม่ถนัดเรียนหนังสือ ไม่ถนัดกีฬาแต่ก็พอเล่นได้ผมเป็นคนเปิดกว้างเรื่องความรู้ครับ ผมชอบอยู่ในห้องสมุดมากครับ สมัยผมเป็นเด็กแม่ผมจะพาไปที่โรงเรียนที่แม่สอนแล้วปล่อยให้ผมอยู่ในห้องสมุด จุดเริ่มต้นที่ผมรักการอ่านคงมาจากตรงนั้นมั้งครับเท่าที่จำได้ตอนนั้นผมอยู่ป.1 ฮ่าฮ่า ตอนเรียนมหาวิทยาลัยผมก็ชอบห้องสมุดมากที่สุดเหมือนกันครับ แต่ก็มีเพื่อนคบนะครับอิอิ ผมเป็นคนสบายๆ
 ไม่คิดมากเพื่อนบอกอยู่ด้วยแล้วมีความสุข

         ตอนเด็กๆผมชอบเล่นเกมมากครับ แนวที่ผมชอบก็ แนววางแผนการรบสร้างฐานทัพ ผมมักจะชนะเพื่อนบ่อยครับไม่ใช่ผมเก่งนะครับแต่ผมเล่นบ่อย แล้วก็เกมออนไลน์เก็บเลเวล ล่าบอส ผมชอบเล่นหมากรุกไทย เกมแนวที่ไม่ถนัดเกมแนวShootingแต่ก็พอเล่นได้


          ตอนเด็กผมยังไม่มีความฝันเป็นของตัวเองครับ เวลาเรียนหนังสือก็มีแต่อาชีพที่ผมไม่อยากเป็นเช่น หมอ ตำรวจ ทหาร ครู วิศวกร แต่ที่ผมชอบตั้งแต่เด็กๆคือ คำว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ฟังครั้งแรกจากในละครทีวี เท่ดีใส่สูททำงานด้วยโดนใจมากครับ ผมก็เลยชอบอาชีพที่ใส่สูทมากครับ ตอนนั้นยังไม่รู้จักว่าหุ้นคืออะไรถามลุง ป้า ก็ไม่มีใครรู้จักว่าคืออะไร(ตอนนั้นผมอยู่ป.6) ผมก็คิดเองเออเองไปต่างๆนาๆว่าถ้าซื้อหุ้นของบริษัทนั้นจะได้ส่วนแบ่งของกำไร ผมเห็นคนกินโออิชิ ใช้โทรศัทพ์ 1-2call ก็ดีใจครับ เพราะจินตนการณ์ว่าผมถือหุ้นเขาอยู่ยิ่งเขากินเยอะเราก็ยิ่งได้เงิน แล้วก็เคยอยากเป็นเจ้าของเซนทรัลเพราะจะได้ของเล่นที่อยากได้ทุกชิ้น ตอนนั้นก็หาหนังสือเกี่ยวกับหุ้นอ่านครับ แต่ไม่รู้เรื่องเลย ก็เลยไม่ได้สานต่อเรื่องหุ้นครับ และปล่อยให้เวลาผ่านไป ไม่ได้ถามตัวเองเลยว่าต้องการจะเป็นอะไรจริงๆ แต่ไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมาครับ เพราะอดีตหล่อหลอมให้เรามาถึงวันนี้


          ตอนนี้ผมได้เรียนรู้สิ่งต่างๆจากหนังสือดีๆ บทความดีๆ ข้อคิดดีๆ ผมเชื่อเรื่องของความรัก เรื่องกฎแห่งความโชคดี เรื่องเหตุและผลไม่มีอะไรบังเอิญในโลก เรื่องความคิดจินตนาการณ์การคิดบวกเมื่อตัวเองท้อ เรื่องของความไม่กลัวผิดพลาดล้มเหลวเป็นสิ่งที่สำคัญ

การตั้งเป้าหมาย การพอใจในสิ่งที่มี เรื่องจิตความคิด การจินตนาการณ์สร้างเป็นภาพ เสียงภายในตัวของเรา ทั้งหมดอยู่ที่ตัวของเราเองการกระทำของเราเองทุกอย่าง เริ่มที่จิตใจความนึกคิดของเราเอง ดังคำกล่าวของพระพุทธเจ้าว่า “ ทุกอย่างที่เราเป็น คือผลพวงของสิ่งที่เราคิด เราคิดอย่างไร เราก็เป็นเช่นนั้น ” ผมเชื่อว่าถ้าเราตั้งใจทำอะไรสักอย่างแม้จะไม่เห็นปลายทางแต่ถ้าเราไม่เลิกไม่ท้อเราจะประสบผลสำเร็จ เพราะสิ่งที่เราทำคือสิ่งที่เรารัก




6 เดือนหลังจากได้เข้าสอบโป๊กเกอร์

          ตอนแรกที่ได้ยินข่าวจากพี่มาเก็ตติ้ง(พี่เบญ) ว่าเพื่อนของเขาจะไปทำงานในเฮดจ์ฟันด์ผมตื่นเต้นมากๆครับ(ในใจอยากจะไปทำงานด้วยครับทำฟรีก็เอา)   แต่ก็รู้ทีหลังว่ามีเฮดจ์ฟันเปิด เทรนให้เทรดเดอร์ที่สมัครเข้าไป ช่วงนั้นเหลือเวลาอีก1 เดือนเขาจะปิดรับสมัคร ผมก็ตั้งใจเขียนเมลส่งไปครับหวังว่าจะได้เข้าไปฝึกด้วยจริงๆ


          เวลาที่เหลือก็หาข้อมูลฟันด์ในGoogleจากอีเมลที่เขาให้ส่งไปครับfund@mudleygroup.co.th จึงทำให้รู้จัก MudleyGroup ครับ  วันนั้นผมก็เริ่มอ่านบทความที่พี่มัดเล่ได้เขียน อ่านมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ผมได้แต่พูดว่าสุดยอดๆๆ ทำให้ผมได้รู้จักนักลงทุนเก่งๆเพิ่มมากขึ้นคับ เช่น อลันกรีนสแปน
เรย์ เดริโอ

       ผมได้แต่ขอให้ผมได้ผ่านการคัดเลือกนี้    แล้ววันนั้นก็มาถึงครับ ผมได้รับเมลจาก mudleygroup ว่าผมได้รับการคัดเลือกให้ไปสอบโป๊กเกอร์ ผมดีใจมากๆครับ เป็นของขวัญที่ดีที่สุดในปีเลยจริงๆครับ ผมบอกพ่อกับแม่เขาก็ยินดีด้วยครับ แต่เขาก็กังวลนิดหน่อยแล้วก็แสดงความยินดีครับ นึกถึงจุดนั้นทีไรผมรู้สึกมีกำลังใจครับ


         ผมได้ฝึกโป๊กเกอร์แบบจริงจังมากครับ หาบทความดูยูทุบ หาอะไรที่เกี่ยวกับโป๊กเกอร์เท่าที่ผมหาได้แล้วฝึกไปเรื่อยๆครับ 3-4เดือนแรกผมคิดว่าผมฝึกเยอะมาก เล่นวันนึง 20-30ทัวนาเมน 45คนแบบ sit&go แล้วเปิดโต๊ะเงินสดด้วยหวังฝึกความอดทน  (แต่เล่นแบบPlaymoneyนะคับ)   ยิ่งฝึกผมยิ่งรู้อะไรมากขึ้นมาก จากวันที่เล่นครั้งแรก ผมรู้สึกว่าซ้อมก็เยอะทำไมฝีมือยังอ่อนอยู่   (ระยะยาวขาดทุน)


         ผมรู้ว่าต้องมีระบบในการเล่นหรืออะไรสักอย่างแน่ๆ ผมจึงตัดสินใจไปเรียนPokerกับพี่ท่านหนึ่ง ในช่วงเดือนพฤษภาคม ทำให้ผมเข้าใจว่า จริงๆมันต้องมีระบบในการเล่น การเลือกไพ่ การคำนวณชิพ ชิพมากเราเลือกไพ่เล่นได้มาก ชิพน้อยเราเลือกไพ่เล่นได้น้อย เราคำนวนBBเป็นหลัก การ Push&Fold หลักการเล่น Sit&go คืออยู่ให้นานที่สุด ไม่ใช่สะสมชิพช่วงแรกๆให้ได้มากที่สุด ควรเล่นช่วงหลังๆช่วงที่คนไม่กล้าเล่น แต่ความรู้ที่ได้มาเป็นแค่พื้นฐานหลักๆในการเล่นPokerแบบSit&go ให้ระยะยาวมีกำไรเท่านั้น สิ่งที่ผมได้เรียนจากพี่เขา ผมถือว่าคุ้มมากครับ แล้วเข้าใจเลยว่าการที่มีโค้ชดีจะช่วยให้เราถึงเป้าหมายไว้ขึ้น ผลลัพท์อาจไม่ดีเกินคาดแต่ว่ามาถูกทาง

          ผลคะแนนออกมาผมพอใจนะครับกับสิ่งที่ทุ่มเทฝึกมา เวลาที่เหลืออีกไม่กี่อาทิตย์ผมก็จะพยายามเต็มที่กับการเล่นและฝึก ถึงจะแพ้แต่ก็ถือว่าเราทำดีที่สุดในโต๊ะนั้นแล้วก็หวังนะครับว่าจะได้ติด 1ใน10ที่ผ่านการคัดเลือกรอบนี้เป็นสิ่งที่ผมพยายามทำ ไม่ได้คิดว่าจะแข่งกับพี่ๆนะครับ แต่ผมแข่งกับตัวเอง เล่น
ให้ไม่กดดันเกินไป พักผ่อนบ้างเล่นเกมบ้าง ดูกราฟบ้าง แต่ก็สู้ๆครับขอให้พี่ส่งใจให้ด้วยนะครับอิอิ

          สิ่งที่ผมรู้ว่าคุ้มมากจริงๆคือได้รู้จักแนวคิดพี่ๆแต่ละคน คือพี่ๆกลุ่มนี้ไม่ธรรมดาจริงๆครับ เราไม่สามารถหาเจอได้จากคนทั่วๆไปเลย ถือว่าคุ้มที่สุดครับที่ได้รู้จักพี่ๆในMudleyGroup






อยากที่จะทำอะไร อยากฝึกอะไร

          ขึ้นชื่อว่าเฮดจ์ฟันด์แล้วคงมีคนไม่น้อยที่จะอยากร่วมงานด้วย ซึ่งผมก็หนึ่งในนั้นครับที่อยากจะร่วมงานด้วย อยากที่จะเทรดกับพี่ๆครับ อยากจะเป็นเทรดเดอร์ที่ไม่ต้องเก่งมากก็ได้ แค่ไม่ขาดทุนหรือเจ๊งในระยะยาว เพราะผมคิดว่าถ้าเกิดเราสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ จะต้องมีคนมาลงทุนกับเราแน่ ผมอาจยังไม่มีประสบการณ์ ยังเก่งไม่พอ มุมมองไม่กว้างพอ แต่ผมพร้อมที่จะเรียนรู้ฝึกฝนเพื่อให้ ก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ให้ประสบความสำเร็จ ได้ทำงานกับคนเก่งๆมุมมองกว้างๆ ซึ่งถ้าได้เข้ามาทำงานในเฮดจ์ฟันมันคงเป็นอะไรที่สุดยอดจริงๆ


         เรื่องนักลงทุนอิสระต้องแต่ผมเข้ามาศึกษาเรื่องของการลงทุน   ผมได้ยินคำนี้บ่อยมาก โดยส่วนตัวคิดว่ายังไม่พร้อมที่จะลงทุนอิสระ ผมยังอยากที่จะทำงานเกี่ยวกับการลงทุนที่ไหนสักที่ถ้ามีโอกาส ค่อยศึกษาจากประสบการณ์จริง ยังอยากที่จะทำงานร่วมกับคนอื่นทำงานเป็นทีม ตามแต่โอกาส เป้าหมายที่คาดไว้ถ้าติด 1ใน10คือ อยากเข้าทีมเทรดครับ ถึงจะฝึกโป๊กเกอร์มา6เดือน แต่ก็ยังอยากที่จะเทรดอยู่ครับ


          ผมชอบ ปีเตอร์ลินซ์ มากๆครับ เขาคือต้นแบบของผม ผู้จัดการกองทุนคงเป็นฝันที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตผมครับ แต่ผมต้องตั้งเป้าเล็กๆไว้ก่อนครับ พอใจกับสิ่งที่มีทำสิ่งที่รักทุกๆวัน มีความสุขกับปัจจุบัน

   
     ผมเชื่อครับว่าจะมีมือที่มองไม่เห็นบางอย่างจัดสรรให้เราไปสู่สิ่งที่เราตั้งไว้แน่ครับ ถ้าเราไม่ละความพยายาม


“เป็นคนแล้ว ทำอะไรต้องหมั่นพยายามทำไป จนกว่าชีวิตจะสิ้น ผลดีที่จะได้ก็บังเกิดขึ้นแน่นอน”

        คติจากเรื่องพระมหาชนกเรื่องที่ผมชอบ สุดท้ายก็ขอบคุณพี่ต้านครับ   ที่ให้อะไรหลายๆในช่วงที่ผ่านมาครับ ถ้าเป็นไปได้ก็อยากได้รู้จักพี่ๆทุกคนมากขึ้นเช่นกันครับ    ขอบคุณจากใจจริงครับ




***( อาทิตย์สุดท้ายที่พี่ต้านประกาศว่ารับเป็น 20 คน  ผมเป็นคนที่21 ตอนนั้นผมรู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากๆ เริ่มคิดว่ามีโอกาสเพิ่มมากขึ้นแล้ว   สุดท้าย คนที่18 คะแนนเท่ากัน ผมเลยได้เข้ามาฝึกกับ
     กองทุนมัดเล่กรุ๊ป ครับ ^^  ขอบคุณพี่ต้านมากๆครับ ที่ให้โอกาส จะรักษาโอกาสนี้พยายามฝึกทุกอย่าง ปรับเปลี่ยนแนวคิด เปิดทัศนะใหม่ๆ ให้เต็มที่ครับ ทุมแรงกายแรงใจจริงๆ =D  )







วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

Dawn 2 :D


          สวัสดีครับผมมีความตั้งใจจริงๆนะครับที่จะฝึกกับทีมงาน  ผมเพิ่งรู้จักบล็อกของทีมงาน Mudleygroup  เมื่อวันที่28ธันวาคม54 นี้ครับ แล้ววันนี้ผมเพิ่งนั่งอ่านในบล๊อคของพี่ยอนหลังดูซึ่งได้ความรู้เอาไว้ฝึกตนเอง ได้รู้จักกองทุนเฮกฟันมากขึ้นเลยครับ ทำให้ความฝันของผมเริ่มจะเห็นภาพแล้ว และมีบางสิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีใจตื่นเต้น(มากๆ)คือเรื่อง “แนวทางมาตรฐานการฝึกซ้อมของเทรดเดอร์ในเฮดจ์ฟันประเภทClose fund ”        http://mudleygroup.blogspot.com/2010/02/close-fund.html


          นี้คือบทความที่ผมได้อ่านต้องตั้งแต่เริ่มสนใจการลงทุนเลยครับผมเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้พี่ของผมฟังว่าหลักสูตรสอนเทรดมันมีจริงๆ ซึ่งผมคิดอยู่ในใจว่าผมอยากฝึกแบบพี่ที่ต่างประเทศบ้างแต่ผมก็รู้สึกอุ่นใจแล้วครับที่พี่บอก การทำสมาธิของบ้านเราช่วยฝึกได้ดีไม่น้อยกว่าการฝึกของฝรั่งเลย ผมได้อ่านอุดมการณ์ความฝันของทีมงาน Mudleygroup  ผมว่าสุดยอดจริงๆเลยครับอยากให้มีแบบนี้ในประเทศไทยจริงๆ(นึกว่าจะไม่มีแล้วแบบนี้)  ผมเป็นกำลังใจให้พี่นะครับโครงการดีๆแบบนี้ผมอยากให้มีไปถึงรุ่น10-20ซึ่งมาจากสังกัด Mudleygroup


          แต่พี่ทำขนาดนี้ผมก็ถือว่าพี่เป็นยอดคนแล้วครับ ทำงานหนักที่ต้องใช้สมาธิเยอะด้วย แล้วต้องเขียนหลักสูตร โพสต์บทความให้กับรุ่นน้องๆได้พอมีแนวทาง แล้วเป็นที่ปรึกษาให้เทรดเดอร์หลายๆคน วันนี้ผมไม่ได้มีผลการเล่นโป๊กเกอร์มาให้พี่ดูอ่าคับ ผมเพิ่งสมัครเล่นโป๊กเกอร์ในเฟสบุกไม่กี่วันแต่เป็นเกมที่สนุกมากเลยครับ(ยังได้กำไร) บริหารความเสี่ยงได้ดีเลยผมชอบมากๆเลยครับ แต่เล่นของจริงคงไม่ได้ แต่อยากเล่นอิอิ

          เมื่อหลายวันก่อนๆผมได้ฝึกเทรดตลาดฟอเร็ทแข่งขันกับคนชาติอื่นๆสังเกตได้ว่า คนอินโดเขาเทรดได้ที่1หลายครั้งมาก ได้ทีก็ 1000-3000% ต่อวันเลย (ผมก็ลองไปหาดูว่าเขาใช้ระบบอะไรกันส่วนใหญ่ ผมไปเจอเว็บฟอเร็ทของมาเลเซียเว็บนึงจึงทำให้รู้ว่า เขาใช้เอเลียตเวฟในการเทรด ) ผมก็แข่งด้วยครับซึ่งความยากอยู่ที่เวลาติดลบจะเสียเงินมากกว่าบัญชีธรรมดา


           ผมแข่งแล้วได้ที่ 100บ้าง 45บ้าง 200บ้าง เปิดแข่งทุกวันครับผลัดกันไป จนวันนี้เป็นวันสุดท้ายที่โบรกเกอร์เขาจะรับคนเข้ารอบ ที่1-20จะได้แข่งรอบต่อไป ผมก็พยายามเต็มที่ครับ เต็มที่จริงๆใช้เทคนิก แนวรับแนวต้าน ฟิโบนั้นซี่ sto     จนทำให้ผมติด1ใน20คนแรกได้   เป็นความภูมิใจสำหรับผมมาก แต่หลายคนอาจมองว่าเป็นสิ่งเล็กๆ นะครับ ^^


ติดที่13 หลังการแข่งขันครับ

           ผมศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ คณะเกษตรปี2 ตอนนี้ผมดรอปเรียน1เทอม เพื่อจะมาศึกษาเรื่องการลงทุนจริงๆ แล้วฝึกเทรดเพื่อเป็นความรู้ในการลงทุนในอนาคตและทำความฝันให้เป็นจริง
สุดท้ายนี้ ยังไงก็ขอให้พี่รับผมไว้พิจารณาด้วยนะครับ

          เรื่องความสามารถพิเศษที่ผมอยากได้ก็คือการปฎิบัติธรรมครับ เพราะสิ่งนี้ช่วยให้เราสามารถดำเนินชีวิตได้โดยมีสติรู้และทำให้ชีวิตเรามีคุณภาพมากขึ้นครับ ความสามารถนี้สามารถช่วยกอบกู้โลกได้ครับ ทำให้คนได้รู้จักคิดมีสติมีปัญญามีความรู้ที่ถูกต้อง แล้วก็มีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์และสัตว์โลกด้วยครับ

ขอขอบคุณทุกๆสิ่งจริงๆที่ทำให้ผมได้เจอกับทีมงาน Mudleygroup และได้เรียนรู้สิ่งต่างๆภายใต้สังกัดนี้





*** นี้เป็นจดหมายที่2 ที่ส่งไปสมัครกับกองทุนเฮดฟันด์ Mudley Group หลังจากที่ส่งใบสมัครจริงๆได้1วัน ในวันที่  12/27/2011 ซึ่งเนื้อหาการสมัครคือ ต้องเอาสถิติการเล่นโป๊กเกอร์ และ ความสามารถพิเศษที่อยากได้ แล้วความสามารถนั้นมีประโยชน์กับคนอื่นอย่างไร   ผมจึงต้องเขียนจดหมายนี้

         ผมไม่มีสถิติการเล่นโป๊กเกอร์ ผมจึงเอาผลการแข่งขันเทรดค่าเงินมาให้พี่ทีมงานดูแทน เพื่อแสดงความตั้งใจที่จะสมัครจริงๆ ครับ ^.^






วันศุกร์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2555

Dawn :D




“คุณต้องไว้วางใจในอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็นสมองของคุณเอง โชคชะตา ชีวิต กรรม หรืออะไรก็ตาม การใช้วิธีนี้ไม่เคยทำให้ผมผิดหวังและ เป็นสิ่งที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของผมอย่างมาก”
                                                                                                           สติฟ จอบส์
                       (สุนทรพจน์ในพิธีประสาทปริญญาบัตรมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด 2009)

        สวัสดีครับผมชื่อ นายปริญญา วีชะรังสรรค์ อายุ 20 ปี ชื่อเล่น แก๊ป เกิด วันพุธ 10 กรกฎาคม 2534
เชื้อชาติไทย สัญชาติไทย บ้านเลขที่ 987 ถนน จรัญสนิทวงศ์ ศาสนาพุทธ กรุ๊ปเลือดB มีพี่น้องทั้งหมด 3คน ผมเป็นน้องคนเล็กสุดซึ่งเป็นแฝดกับพี่คนกลาง ผมชอบ อ่านหนังสือประเภทการลงทุน แนวคิด หลักพุทธศาสนา บุคคลที่เป็นต้นแบบ วอเร็น บัฟเฟตต์จอจโซรอส สติฟ จ๊อบส์ บัณฑิต อึ้งรังสี ลุงโฉลก พุทธทาส

       ผมมีความเชื่อในศาสนาพุทธหลักธรรมของพระพุทธเจ้า และ มีเนื้อหาอย่างหนึ่งที่ผมเห็นชัดว่าคนที่ประสบความสำเร็จระดับโลกก็ใช้หลักการที่พระพุทธเจ้าได้กล่าวไว้คือ อธิบาท4 คือ
 ๑.ฉันทะ ความพอใจรักใคร่ในสิ่งนั้น  ๒. วิริยะ ความพากเพียรในสิ่งนั้น  ๓. จิตตะ ความเอาใจใส่ฝักใฝ่ในสิ่งนั้น  ๔. วิมังสา ความหมั่นสอดส่องในเหตุผลของสิ่งนั้น ผมมีความฝันที่จะเป็น เทรดเดอร์ ติดอันดับโลกครับ และ นี้คือเป้าหมายในชีวิตของผม ผมชอบและรักในเรื่องการลงทุน รักที่จะทำเงิน บริหารความเสี่ยง และผมพร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ และฝึกฝนสิ่งที่มีประโยชน์ให้เกิดปัญญา

     ผมมั่นใจว่าถ้าหากเรารักสิ่งไหนสักอย่าง สิ่งที่เรารักหรือสนใจมันจะขยายเพิ่มพูนไป เพราะในโลกนี้ไม่มีใครหรอกที่จะอยากพัฒนาในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบ คนไทยถ้าคิดจะทำแล้วไม่แพ้ชาติใดในโลก เพราะเหตุนี้จึงทำให้ผมได้เจอการลงทุนที่มี ความเสี่ยงสูงคือ ตลาดเงินฟอเร็ท ที่มีความผันผวนสูง มันจึงมีเสน่ห์น่าหลงใหล และยังมีตลาดออฟชั่นที่ผมอยากจะเข้าใจและใช้เป็น แต่ผมก็ยังไม่สามรถรู้ลึกซึ้งได้....

       ผมเชื่อว่าการที่ผมได้ส่งจดหมายมาถึงคุณ ก็เป็นเหตุปัจจัยบางอย่างจาก ผลการกระทำของผม(ด้วยกฎเหตุและผล ที่ผมสนใจในเรื่องของการลงทุน ) ด้วยหน้าที่การงานตำแหน่งของคุณเป็นไปได้ ยากมากที่คนธรรมดาจะสามารถรู้จัก ทั้งแนวคิด การปฏิบัติ ผมเชื่อว่าคุณมีสิ่งที่นักลงทุนรุ่นใหม่จำเป็นต้องศึกษาเรียนรู้ศึกษาวิธีการ แนวคิด หลักปฏิบัติจากคุณ

      ซึ่งผมก็พร้อมที่จะเรียนรู้ สิ่งใหม่ๆ วิสัยทัศน์ใหม่ๆและพร้อมที่จะเรียนรู้หลักการทำงานกันเป็นทีม ผมพร้อมที่จะรับคำสั่งสอนจากคนที่มีประสบการณ์ มีหลักปัญญา ในการทำงานและชี้แนวทางที่ถูกต้อง มีคุณธรรม ถ้าผมมีโอกาส ได้ร่วมทำงานกับคุณสักครั้งก็ถือเป็นเกียรติอย่างยิ่งในชีวิต ผมไม่มีอะไรนอกเหนือจาก กำลังใจ กำลังกายและเวลาที่จะทุ่มเทกับสิ่งที่คุณได้สั่งสอน ถ้าผมได้มีโอกาส


"ความสำเร็จในชีวิตคือการทำในสิ่งที่ตัวเองรักและทำออกมาดี และสุดยอดแห่งความหรูหราในชีวิตก็คือการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรักทุกวัน"
                                                                                                           และผมรักที่จะทำเงิน
                                                                                                       (วอร์เร็น บัฟเฟตต์ สอนลูก)


                                                                                                         ด้วยความเคารพอย่างสูง



*** เป็น E-mail ที่ผมส่งไปสมัครกองทุนเฮดฟันด์ Mudley Group  เนื้อหาในจดหมายฉบับนี้อาจเขียนไม่ดีเท่าไหร่ แต่เขียนมาด้วยจากใจเลยครับ ^^ รู้สึกกตื่นเต้นมากๆ ที่ได้ส่งE-mail ฉบับนี้ครับ