วงจรหนี้ระยะสั้นหรือเรียกได้ว่าธุรกิจถูกควบคุมโดยธนาคารกลาง ก็คือธนาคารกลางจะเป็นคนควบคุมไม่ให้เศรษฐกิจขยายตัวเร็วไป(ฤดูร้อน) หรือเศรษฐกิจถดถอย (ฤดูหนาว)
- " รอบแรก "(ใช้เวลา 5-6ไตรมาส) จะเริ่มต้นด้วยการใช้จ่ายของประชาชน ความต้องการรถยนต์ ที่อยู่อาศัย ยอดค้าปลีก เพิ่มขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก การจ้างงานมากขึ้น สินเชื่อเติบโตเร็วเศรษฐกิจเติบโตแข็งแกร่ง(GDPเกิน 4%) อัตราเงินเฟ้อต่ำ การบริโภคแข็งแรง การสะสมสินค้าการคลังเพิ่มขึ้น
ช่วงนี้ตลาดหุ้นสหรัฐจะได้ผลตอบแทนที่ดีมาก (อัตราเงินเฟ้อไม่เพิ่้มขึ้น+อัตราดอกเบี้ยก็ไม่ขึ้น)
- "กลางวงจร" (กินเวลาเฉลี่ย3-4ไตรมาส) การเติบโตทางเศรษฐกิจเริ่มช้าลง (GDP 2%) อัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับต่ำ
- "รอบปลาย"(มักจะเริ่มประมาณครึ่งปีในการขยายตัวของเศรษฐกิจ)ช่วงนี้การเติบโตเศรษฐกิจยังดีอยู๋ (GDP 3.5-4%) การผลิตออกมาามาก ความต้องการบริโภคยังแข็งแกร่งอยู่ แต่อันตราเงินเฟ้อมีแนวโน้มที่จะสูงขึ้นอุปทานหรือความต้องการที่จะขายจะมีมากขึ้น ตลาดหุ้นปรับตัวลง ก่อนที่เศรษฐกิจจะเน่าตามมา
- "ช่วงต้นของภาวะเศรษฐกิจถดถอย" อัตราเงินเฟ้อที่สูงจะเริ่มลดลงเพราะการควบคุมของเฟด
- "ช่วงปลายของภาวะเศรษฐกิจถดถอย " ธนาคารลดการดำเนินนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อลดลง อัตราดอกเบี้ยลดลงต่ำทำให้ราคาหุ้นปรับตัวสูงขึ้น แม้ว่าเศรษฐกิจยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ราคาหุ้นที่สูงขึ้นเป็นส่วนหนึ่งของการขยายตัว แล้วก็จะเริ่มรอบแรกของวงจรใหม่
สรุป เอาให้เป็นภาษาตัวเองอีกที หากอ่านไม่รู้เรื่องไม่รู้ด้วยนะ ฮ่าาา....
เศรษฐกิจทุกๆประเทศ ไม่ว่าจะ อเมกา ยุโรป เอเชีย หรือใดๆก็ตาม เราจะเปรียบให้มีทั้งหมด
3 ฤดู คือ ฤดูร้อน ฤดูอบอุ่น ฤดูหนาว ส่วนมากนักลงทุนวอลล์สตรีทชอบฤดูอบอุ่น ร้อนไปนักลงทุนก็กังวล หนาวไปก็กังวล ฮ๋าๆๆ
1. ฤดูร้อน ช่วงนี้เริ่มด้วยที่ภาคการบริโภคเริ่มมากขึ้น การใช้จ่ายของผู้บริโภคมากขึ้น ซื้อรถยต์ บ้านอาหาร จนภาคผลิตเริ่มผลิตมากขึ้นๆอัตราการจ้างงานมากขึ้น อัตราว่างงานแถบไม่มีเพราะ บริษัทและโรงงานต่างๆก็รีบเร่งปัจจัยการผลิต (พนักงานสามารถต่อรองราคาเงินเดือนได้ช่วงนี้ ฮ่าๆๆ ) ส่งผลทำให้ของสินค้า บริการต่างๆ ก็ขึ้นราคาสูงขึ้นๆ ผู้ผลิตแฮปปี้เพราะได้กำไรงาม และอัตราเงินเฟ้อก็สูงขึ้นเรื่อยๆ เศรษฐกิจขยายตัวมากขึ้นๆ
2. ฤดูอบอุ่น ช่วงนี้ดูได้จากอัตราเงินเฟ้อคงที่ การผลิต การบริโภคอยู่ในระดับสมดุน ซื้อง่ายขายคล่อง ผู้ผลิตต่างก็มีกำไรจากของที่ขึ้นราคา นักลงทุน แฮปปี้สุดๆช่วงนี้ แต่ก็ไม่นานสัญญาณของฤดูหนาวก็เริ่มมาก็คือ ปัจจัยการผลิตมากขึ้นมีของเต็มตลาดขายไม่ได้เพราะราคาแพง เงินเริ่มเฟ้อหนัก ทำให้กำลังผู้ซื้อไม่พอ ผู้ซื้อเริมไม่ต้องการ พูดง่ายๆก็คือ อุปทานมากกว่าอุปสงค์ ต้องการขายมากกว่าคนต้องการซื้อก็เริ่มเข้าสู่ต้นๆของฤดูหนาว
3. ฤดูหนาว หลังจากที่โรงงาน-บริษัทเริ่มขายของไม่ออก ก็เริ่มลดราคาสินค้าบริการลง ลดแล้วลดอีกคนซื้อก็ยังไม่ซื้อ จนผู้ประกอบการที่แข็งขันกันก่อนๆหน้านี้เริ่มแย่งกันลดราคาของลง 555+ ผู้ประกอบการต่างๆก็ต้องลดต้นทุนการผลิตลง ด้วยการปลดพนักงานลง ลดการจ่ายเงินเดือนลงเพื่อให้บริษัทอยู่รอด เพราะ ต้นทุนการผลิตแพงและขายของไม่ออก ช่วงนี้ธุรกิจไหนไม่แข็งแรงก็ล้มไปตามๆกัน คนเริ่มหันมาออมเงินมากกว่าลงทุน ฤดูนี้จะกินเวลานานกว่าฤดูอื่นๆ ฤดูนี้หมดไปเมื่อผู้บริโภคมีความต้องการมากขึ่นก็ กลับไปอ่านข้อ1ใหม่ ฮ่าๆๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น